ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มติครม.เห็นชอบให้สธ.เป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 และ ประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโส เตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาโรคอีโบลาระบาด ใน. ธ.ค.นี้

4 พ.ย.57 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 และการประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโส เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ

ทั้งนี้ ให้ สธ. และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข อาเซียน+3 เป็นเวลา 1 วัน และการประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโส เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นเวลา 1 วัน ณ กรุงเทพมหานคร ในเดือนธันวาคม 2557

สธ. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาว่า

1. การระบาดโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตก นับแต่เริ่มการระบาดในเดือนมีนาคม 2557 ครั้งนี้ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาของโรคนี้ มีผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สร้างความสูญเสียทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ในประเทศที่มีการระบาดมหาศาล องค์การสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก แจ้งเตือนให้ทุกประเทศเตรียมความพร้อมป้องกันแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค ดังนั้น จึงควรมีการเสริมสร้างความเข้มแข็ง เตรียมพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบความร่วมมืออาเซียน+3 (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี)

2. เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตกกำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2557 พบผู้ป่วยมากกว่า 10,114 ราย ผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,912 ราย ใน 8 ประเทศ คือ  สาธารณรัฐกินี สาธารณรัฐไลบีเรีย สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย สาธารณรัฐเซเนกัล สาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน ราชอาณาจักรสเปน สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐมาลี ในจำนวนนี้กว่า 450 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และ 244 คนเสียชีวิต

3. ถึงแม้ความเสี่ยงของประเทศไทยในภาพรวมจะอยู่ในระดับต่ำแต่มีความเป็นไปได้ในกรณีที่จะมีการแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยผ่านผู้เดินทางระหว่างประเทศ และสัตว์ป่าที่นำเข้าจากแอฟริกา ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวรวมทั้งความมั่นคงของประเทศอย่างมหาศาล รัฐบาลจึงควรมีการเตรียมพร้อมโดยแจ้งให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงสถานการณ์ และดำเนินการบูรณาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาทุกภาคส่วน

4. ประเทศไทยควรแสดงบทบาทร่วมกับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็ง เตรียมพร้อม ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในภูมิภาค ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทย และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในเวทีโลก ในโอกาสที่โลกกำลังประสบภาวะวิกฤติ ประเทศไทยควรเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม 2 รายการคือ

4.1 การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข อาเซียน+3 เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (ASEAN+3 Health Ministers Meeting on Ebola Preparedness and Response) เป็นเวลา 1 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและวิสัยทัศน์ในประเด็นเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมความพร้อมรับมือ และแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาร่วมกัน

4.2 การประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน+3 เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (ASEAN+3 Senior Official Meeting on Health Development and Technical Conference on Ebola Preparedness and Response) เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานกิจกรรมการเตรียมความพร้อมรับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน+3 เป็นเวลา 1 วัน ในช่วงเดือนธันวาคม 2557 ณ กรุงเทพมหานคร