ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.จัด 2 โครงการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นของขวัญปีใหม่ 2558 สร้างรอยยิ้มแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส รวมกว่า 4 หมื่นคน ประกอบด้วยมอบฟันเทียมให้ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก 35,000 ชุดโดยจัดบริการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศ และฝังรากฟันเทียมนามพระราชทาน “ข้าวอร่อย” เมดอินไทยแลนด์ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบปี 2555-2559 ให้ครบ 8,400 คน โดยจัดบริการในโรงพยาบาลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ฟรี

วันนี้ (3 ธันวาคม 2557) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศ.พิเศษ ทญ.ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดกิจกรรมรณรงค์ “จากฟันเทียมสู่รากฟันเทียม ข้าวอร่อย ความสุขพระราชทาน เป็นของขวัญแก่ประชาชน” ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ในเนื่องโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557

ศ.ดร.ยงยุทธกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยปัญหาสุขภาพช่องปากของประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ที่สูญเสียฟันทั้งปาก ทำให้กินอาหารได้น้อย เนื่องจากไม่มีฟันบดเคี้ยวอาหาร ส่งผลต่อสุขภาพตามมา ต้องได้รับการบริการใส่ฟันเทียมและรากฟันเทียม เพื่อใช้แทนฟันจริง โดยเฉพาะรากฟันเทียมเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านทันตกรรม ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาแพง รากละประมาณ 50,000 - 100,000 บาท ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ จนทำให้มีการพัฒนารากฟันเทียมไทยตามกระแสพระราชดำรัส โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการฟันเทียมพระราชทาน และโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 และ 2550 เป็นต้นมา ส่งผลให้คนไทยได้ใส่ฟันเทียมแล้ว 380,000 คน และผู้ที่มีปัญหาฟันเทียมหลวม เนื่องจากสันเหงือกแบนได้รับการฝังรากฟันเทียมไปแล้ว 10,000 ราย ช่วยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในปี 2558 นี้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดให้ทั้ง 2 โครงการเฉลิมพระเกียรตินี้ เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นของขวัญอันทรงคุณค่าที่ทรงพระราชทานแก่ชาวไทย โดยฟันเทียมพระราชทานเปิดให้บริการที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศกว่า 900 แห่ง รากฟันเทียมเปิดให้บริการที่โรงพยาบาลสังกัดภาครัฐ ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 200 กว่าแห่ง ฟรี

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าหมายใส่ฟันเทียมแก่ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก หรือตั้งแต่ 16 ซี่ขึ้นไป จำนวน 35,000 คน และฝังรากฟันเทียมให้แก่ผู้ที่ใส่ฟันเทียมพระราชทานแล้วยังมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร ในโครงการรากฟันเทียมพระราชทานต่อเนื่อง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 5,000 คน โดยรากฟันเทียมที่ใช้ในโครงการนี้ ผลิตในประเทศไทย พัฒนาโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำจากวัสดุไทเทเนียม มีความทนทานมาก ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “ข้าวอร่อย” โดยทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมให้ผู้ป่วยรายละ 2 ราก เพื่อเป็นฐานยึดฟันเทียมชิ้นล่างไว้ไม่ให้เคลื่อนหรือเลื่อนหลุดขณะเคี้ยวอาหาร ขณะนี้ทันตบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมให้บริการฟันเทียมและรากฟันเทียมทั่วถึงทุกภูมิภาคแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของกรมอนามัยล่าสุดในปี 2555 พบว่ามีผู้สูงไทยเป็นกลุ่มที่พบว่าสูญเสียฟันทั้งปากมากที่สุด โดยในกลุ่มอายุ 60 - 74 ปี พบมากถึงร้อยละ 7.2 ยิ่งอายุมากขึ้นการสูญเสียก็ยิ่งมากขึ้น กลุ่มอายุ 80 - 89 ปี สูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 32.2 กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดำเนินการค้นหาในชุมชน หมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อขึ้นทะเบียนและส่งตัวเข้ารับบริการตามความเหมาะสมที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย และสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป