ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพออกแถลงการณ์ เรียกร้อง สธ. สปสช.ทำหน้าที่ อย่าล้วงลูกข้ามหน่วยงาน ขอให้ปรองดองเพื่อประชาชน แนะร่วมกันทำแผนงบรายหัวสะท้อนต้นทุน ให้สามารถดูแลประชาชนได้มีประสิทธิภาพ ชี้บอร์ดสปสช.ซื้อเวลาให้ปลัดสธ.จ้องดึงเงินไปที่เขตสุขภาพสธ. จี้สธ.ให้ข้อมูลโปร่งใส ทั้งปัญหารพ.ขาดทุน และเกณฑ์ให้เขตสุขภาพเกลี่ยงบ พัฒนากำลังคนให้เพียงพอ จะออกนอกระบบ หรือกระจายอำนาจ จี้สปสช.เปิดข้อมูลบริหารงบกองทุนย่อย ทำให้ผู้ป่วยได้รักษาตั้งแต่ปฐมภูมิถึงตติยภูมิอย่างไร เตือนบอร์ดสปสช.ตระหนักทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน แม้บอร์ดส่วนใหญ่ไม่เคยใช้บัตรทอง ส่วนปัญหาคนไร้สถานะ สธ.ต้องบริหารมีประสิทธิภาพ แฉมีเงินเหลือบานทุกปี เพราะคนเข้าไม่ถึงการรักษา ดันบอร์ดสปสช.ตีความใหม่เรื่องการดูแลคนไร้สถานะ ชี้ต้องกล้าเห็นต่างในฐานะตัวแทนประชาชน

นส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา

13 ธ.ค.57 นส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพได้ออกแถลงการณ์เรียกร้อง สธ. และสปสช. ให้ตระหนักถึงการทำหน้าที่ของตนเองเพื่อดูแลสวัสดิการด้านสุขภาพของประชาชน หวั่นสถานการณ์ความขัดแย้งในระบบสุขภาพเส่งผลกระทบต่อการให้การรักษาพยาบาลประชาชน ทำให้สิทธิการรักษาพยาบาล กลายเป็นระบบสงเคราะห์ และประชาชนบัตรทองเป็นผู้ป่วยอนาถาในที่สุด มีรายละเอียดดังนี้

กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ จับตาความเคลื่อนไหวของบอร์ดหลักประกันสุขภาพมาตั้งแต่ตุลาคม 2557 ที่บอร์ดจะต้องมีการดำเนินการโอนเงินค่าใช้จ่ายเพื่อการดูแลรักษาประชาชนในระบบ 48 ล้านคน พบว่ามีความพยายามซื้อเวลา ยื้อยุดไม่ให้มีการโอนเงินไปยังเขตและหน่วยบริการสำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค.58)เพราะทางปลัดสธ.ซึ่งเป็นบอร์ดด้วยยืนยันว่าต้องรวบกองทุนย่อยๆ เข้าไว้ด้วยกันก่อนแล้วให้เขตบริการสุขภาพไปปรับเกลี่ยกันเองระหว่างโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลอำเภอ สถานีอนามัย(รพ.สต.) ขณะที่อนุการเงินการคลัง ภายใต้บอร์ดเดียวกันก็ยืนยันว่าไม่สมควรรวบกองทุน รวบการบริหาร เพราะไม่มีหลักประกันใดใดว่าจะทำให้ประชาชนได้รับบริการอย่างครบถ้วนเหมาะสม การประชุมบอร์ดล่าสุดเมื่อ 8 ธ.ค.57 ก็คัดง้างกันไม่ลง จึงไม่มีมติให้ดำเนินการอย่างไร แต่ซื้อเวลาให้ ปลัดสธ.ไปหาข้อมูล หลักการ เหตุผลมารองรับข้อเสนอให้ชัดเจนอีกครั้งใน 2 เดือนข้างหน้า นับว่าเป็นเกมที่ใช้ความเจ็บป่วยของประชาชนเป็นตัวประกัน

จึงขอเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายคือกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และบอร์ดหลักประกันสุขภาพ รวมถึงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ออกมาให้ข้อมูลที่เป็นจริง ครบถ้วน รอบด้าน ต่อสาธารณชนดังต่อไปนี้

1.ปลัด สธ.ต้องปัดกวาดบ้านตนเองให้เรียบร้อย ด้วยการให้ข้อมูลต่อสาธารณะอย่างชัดแจ้งว่า ที่บอกว่าโรงพยาบาลขาดทุนนั้นเป็นอย่างไร ต้องให้แต่ละโรงพยาบาลชี้แจงบัญชีรับจ่ายให้เห็นอย่างกระจ่างชัด ให้แต่ละเขตบริการสุขภาพชี้แจงการจัดเกลี่ยงบว่าทำอย่างไร มีหลักการ มีกลไกจัดการ กำกับ ติดตาม ที่โปร่งใสเพียงใด รับประกันได้ว่าประชาชนในพื้นที่ชุมชนจะได้รับบริการจากโรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีคุณภาพมาตรฐาน

2.ปลัด สธ.ต้องนำเสนอแผนกำลังคน การแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ให้สอดคล้องกับพื้นที่ จำนวนประชากร และขนาดโรงพยาบาลที่มีอยู่ ทั้งนี้ ต้องคิดนอกกรอบที่จะขอเพิ่มอัตราข้าราชการ การยังอยู่ในระบบ การกระจายอำนาจ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน/ท้องถิ่นในการดำเนินการ รวมถึงการหาทางกำกับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไม่ให้เป็นแหล่งดูดกลืนกำลังคนที่ผลิตโดยภาษีประชาชน

3.ทั้งปลัด สธ.และ สปสช. ต้องร่วมกันจัดทำแผนค่าใช้จ่ายรายหัวที่เหมาะสม สะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง มีศักยภาพในการดูแลประชาชนทั้งระบบ ให้ปรองดองกันเพื่อประชาชน

4.สปสช. ต้องแสดงข้อมูล หลักฐานต่อสาธารณะว่า การบริหารงบค่าใช้จ่ายเป็นกองทุนย่อยๆ นั้น มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เพียงใด มีหลักประกันว่าประชาชนที่ป่วยทุกโรคสามารถได้รับบริการรักษาจากหน่วยบริการในทุกระดับตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ไปจนถึงการส่งต่อให้ถึง ระดับตติยภูมิ 

5.บอร์ดหลักประกันสุขภาพต้องยึดหลักการว่าตนเองมีหน้าที่บริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพให้ประชาชน ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างหลักประกันทางสุขภาพให้ประชาชนอย่างแท้จริง แม้บอร์ดส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่เคยใช้สิทธิบัตรทองเลยก็ตาม

6.กรณีประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มที่ยังไม่ได้รับสถานะบุคคล บอร์ดหลักประกันสุขภาพต้องมีมติใหม่ว่ากฎหมายหลักประกันสุขภาพนั้นมีเจตนารมณ์เพื่อให้หลักประกันทางสุขภาพกับบุคคลที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ไม่ใช่คนมีบัตรประชาชนเท่านั้น ควรกล้าจะเห็นต่างจากการตีความอย่างคับแคบของกฤษฎีกา เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนของรพ.อำเภอชายแดนที่มีประชากรที่ไม่ได้รับรองสถานะ กลุ่มชาติพันธุ์นั้น ปลัดสธ.ต้องไปดูว่าเงินที่ สธ.ได้รับตามมติ ครม.ปี53 ให้เงินปีละเป็นพันล้านไปที่ สธ.ให้ดูแลคนเหล่านี้ซึ่งมีเงินเหลือทุกปีเพราะคนเหล่านี้เข้าไม่ถึงบริการ ทาง สธ.ต้องไปดำเนินการเร่งด่วนให้ใช้งบนี้ในการดูแลโรงพยาบาลชายแดน ทั้งนี้ ทั้งบอร์ดสปสช.และสธ.ต้องยึดหลักการว่าต้องร่วมกันสร้างหลักประกันสุขภาพสำหรับประชาชนทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย ให้สอดรับกับทั้งเจตนารมณ์ของระบบหลักประกันสุขภาพ การเปิดอาเซียน และรัฐธรรมนูญใหม่ที่ต้องดีกว่าเดิมในการรับรองสิทธิมนุษยชนของทุกคน

7.ขอเรียกร้องให้ ปลัดสธ.หยุดให้ข่าวทำลายระบบหลักประกันสุขภาพ จนกว่าจะได้ข้อเท็จจริงร่วมกันแล้วร่วมกันทำงานในหน้าที่ของตนเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน