ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกรัฐมนตรี เปิดงาน “สาธารณสุขมอบของขวัญปีใหม่ เพื่อคนไทยสุขภาพดี” ส่งมอบ 6 บริการสุขภาพฟรี เป็นของขวัญปีมะแม แก่ประชาชนทั่วไทย ทั้งสร้างเสริมสุขภาพเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เน้นดูแลอย่างใกล้ชิดจนถึงวาระสุดท้ายชีวิต อบอุ่นเหมือนเครือญาติ ลดความเหลื่อมล้ำ ค้ำจุน และสร้างสรรค์รากหญ้า

วันนี้ (16 ธันวาคม 2557) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดงาน “สาธารณสุขมอบของขวัญปีใหม่ เพื่อคนไทยสุขภาพดี” เพื่อส่งความสุขให้ประชาชนทั่วประเทศเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2558 พร้อมทั้งเยี่ยมชมบู๊ทนิทรรศการและมอบของขวัญปีใหม่แก่ตัวแทนประชาชน

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ค้ำจุน และสร้างสรรค์รากหญ้า โดยเฉพาะการป้องกันโรค ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีและประหยัดกว่าการรักษาเมื่อเจ็บป่วยแล้ว โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีเกือบ 10 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 15 ของประชากรทั้งประเทศ ด้วยการส่งเสริมคุณภาพชีวิต จัดระบบการดูแลทั้งที่บ้านและสถานพยาบาลให้มีคุณภาพ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 ที่กำลังจะมาถึง ได้มอบนโยบายให้ทุกกระทรวงจัดกิจกรรมการดำเนินงานเป็นพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดบริการสุขภาพฟรี 6 ชิ้น เป็นของขวัญที่มีค่าและน่าจะถูกใจประชาชนทั่วประเทศอย่างมาก

ทั้งนี้ ภายในงาน รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กระทรวงสาธารณสุขภายใต้การนำของศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็น “แท่นโมเดล” ของ ตาชั่ง คนช่วยเหลือกัน และรากหญ้า สื่อความหมายแทนนโยบายด้านสังคมของรองนายกรัฐมนตรี โดยนายยงยุทธกล่าวถึงของขวัญปีใหม่นี้ว่า

 “งานวางรากฐานทางสังคมเป็นงานที่เร่งด่วน ผมอยากเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดีขึ้นและชัดเจนโดยเร็ว จึงมีความคิดว่าทุกคนที่ทำงานนี้ต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพื่อเดินไปในทิศที่เป็นทิศเดียวกัน ทำให้มีการกำหนดนโยบายในการทำงานด้านสังคมขึ้นมา 3 ข้อคือ การลดเหลื่อมล้ำ ค้ำจุนกัน และสร้างสรรค์รากหญ้า และถือโอกาสที่จะเข้าสู่ปีใหม่ นำนโยบายทั้ง 3 ข้อทำออกมาเป็นโมเดล เพื่อให้เป็นรูปร่างที่จะง่ายต่อการสื่อสารอย่าง รูปตาชั่ง รูปคนช่วยเหลือกัน และรูปรากหญ้า แล้วนำโมเดลนี้มามอบเป็นของขวัญที่จะสื่อถึงนโยบายปี 2558 ให้กับรัฐมนตรีทั้ง 4 กระทรวงที่ผมดูแล” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว

ด้าน ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมให้กับประชาชนทั้ง 6 ชิ้น ประกอบด้วย

1.การฝังรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ให้กับผู้ที่มีปัญหาฟันเทียมเลื่อนหลุดขณะเคี้ยวอาหาร 5,000 คน ในโรงพยาบาลจังหวัดและเครือข่าย 200 แห่ง และใส่ฟันเทียมในผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันตั้งแต่ 16 ซี่ขึ้นไป จำนวน 35,000 คน ในโรงพยาบาลในสังกัดกว่า 900 แห่ง

2.การฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก แก่คนไทยอายุ 20-50 ปี จำนวน 28 ล้านคน ขณะนี้มีผู้ได้รับของขวัญไปแล้วประมาณ 4 ล้านคนใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดในเด็กอายุ 2 ขวบครึ่ง -7 ขวบ กว่า 3 ล้านคน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ขอเชิญชวนให้ประชาชน 2 กลุ่มนี้ไปรับการฉีดวัคซีน ที่โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง

3.การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมในผู้ป่วยตาต้อกระจกชนิดบอด จำนวน 60,000 ราย เพื่อคืนโลกสดใสให้กับผู้ป่วยอีกครั้ง ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา เริ่มดำเนินการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก่อนและครอบคลุมทั่วประเทศ

4.การส่งมอบทีมหมอครอบครัวแบบสหวิชาชีพ ดูแลสุขภาพประชาชนทุกครัวเรือนถึงบ้าน สร้างความอุ่นใจเสมือนเป็นญาติสนิท

5.ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุต่อเนื่อง จัดบริการที่เหมาะสมกับสถานะสุขภาพ ทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล อย่างเข้าใจและมีคุณภาพ และ6.การจัดตั้งหน่วยดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป รพ.สังกัดกรมวิชาการ และขยายไปถึงโรงพยาบาลชุมชน 300 แห่ง ช่วยให้ผู้ป่วยดำเนินชีวิตระยะสุดท้าย ด้วยความมั่นใจคลายความทุกข์กังวล และจากไปอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“ทุกโครงการที่กระทรวงสาธารณสุขนำมามอบให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนไทยในปีใหม่นี้ ได้คัดเลือกบริการที่ประชาชนอาจยังมีปัญหาการเข้าถึง บริการที่เป็นปัญหาสุขภาพสำคัญของประชาชน และบริการที่ควรจะมีเพิ่มเติมจากระบบที่มีอยู่ เราทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำ โดยยึดถือประโยชน์สุขที่จะเกิดกับประชาชนทุกคนด้วยความเสมอภาค เป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรสาธารณสุขและประชาชน” ศ.นพ.รัชตะ กล่าว