ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยรอบ 30 ปี คนไทยเสียชีวิตหลังติดเชื้อเอดส์ไปแล้วกว่า 7 แสนคน คาดยังมีชีวิตกว่า 4 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 7,525 คน ประกาศใช้ 5 มาตรการยุติโรคให้ได้ภายใน 16 ปี ทั้งป้องกันและจัดเต็มให้บริการฟรีทั้งตรวจหาเชื้อและรักษาผู้ติดเชื้อทุกคน ทุกวัย เป็นสิทธิประโยชน์ทุกหลักประกันสุขภาพ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557 สถานการณ์ในปี 2557 นี้ อัตราเพิ่มลดลง มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มวันละ 22 คน ตายวันละ 56 คน คาดมาตรการนี้จะลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เกินปีละ 1,000 คน

วันนี้ (17 ธันวาคม 2557) ที่ อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 14 และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ครั้งที่ 1 พร้อมปาฐกถาพิเศษ : ยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทยภายในปีพ.ศ. 2573 ว่า สถานการณ์โรคเอชไอวีของไทยในรอบ 30 ปี หลังจากที่พบผู้ป่วยรายแรกในปี 2527 จนถึงปัจจุบัน ไทยมีผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่สะสมทั้งหมด 1,200,000 คน เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7 แสนคน จากการประเมินคาดว่าในปี 2557 นี้ สถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อเดิมและยังมีชีวิตทั้งหมด 446,154 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี 7,525 คน ที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 22 คนร้อยละ 98 เป็นผู้ใหญ่ ที่เหลือเป็นเด็กจำนวน 104 คน ส่วนผู้เสียชีวิตมีประมาณวันละ 56 คน ชี้ให้เห็นสัญญาณโรคว่าอัตราการเพิ่มได้ลดลงแล้ว โดยคณะกรรมการเอดส์ชาติได้ตั้งเป้าจะยุติปัญหาการแพร่ระบาดโรคเอดส์ภายในปี 2573 หรือในอีก 16 ปี คือจะไม่มีเด็กที่คลอดมาแล้วติดเชื้อเอชไอวี มีผู้ใหญ่ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ไม่เกินปีละ 1,000 คน ผู้ติดเชื้อทุกคนสามารถเข้าถึงระบบบริการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัส ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ สอดคล้องกับมติขององค์การสหประชาชาติ

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า รัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ มีนโยบายที่ชัดเจนในการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม ประกาศให้การยุติปัญหาเอดส์เป็นวาระชาติ 3 เรื่อง คือการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด เพื่อลดผู้ติดเชื้อในผู้ฉีดยาเสพติดซึ่งมีอัตราติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 80 ระดมการทำงานหน่วยงานทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ และเพิ่มงบประมาณด้านเอดส์ในปี 2558 – 2562 ปีละ 1,700 - 1,900 ล้านบาท เพื่อทดแทนงบประมาณจากกองทุนโลกฯ ที่ปัจจุบันลดลงมากและจะสิ้นสุดในปี 2559 นี้ เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ทำงานเอดส์จากทุกภาคส่วน ว่าการดำเนินงานด้านเอดส์จะเป็นไปอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ยังได้มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อยุติปัญหาเอดส์ 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1.ขยายความครอบคลุมการดำเนินงานป้องกันโรค โดยเชื่อมโยงผสมผสานงานเชิงรุกคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บริการให้การปรึกษาและตรวจการติดเชื้อเอชไอวีกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น กลุ่มชายรักร่วมเพศ ครอบคลุมร้อยละ 90 2.รักษาผู้ติดเชื้อทุกคนด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี โดยไม่คำนึงถึงระดับเม็ดเลือดขาวซีดีโฟว์(CD4) รวมถึงการตรวจวินิจฉัยทารกที่คลอดจากแม่ติดเชื้อภายภายในอายุ 2 เดือน เพื่อเริ่มรักษาด้วยยาต้านไวรัสทุกรายโดยเร็วที่สุด ซึ่งการให้ยาต้านไวรัสแต่เนิ่นๆ นอกจากเป็นการรักษาแล้ว ยังมีผลในการป้องกันโรคด้วย 3.สนับสนุนให้ผู้ติดเชื้อฯ กินยาสม่ำเสมอตลอดชีวิตและคงอยู่ในระบบบริการต่อเนื่อง มากกว่าร้อยละ 90

4. พัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพ ระบบชุมชน โดยผสมผสานบูรณาการระหว่างงานการป้องกันและรักษา ใช้หลักแนวคิด เข้าถึง ตรวจ รักษา คงอยู่ โดยให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด เข้าถึงระบบบริการ ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์ในทุกระบบประกันสุขภาพรวมทั้งแรงงานข้ามชาติ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นมา และ5.รณรงค์สร้างความเข้าใจประชาชน ให้เรื่องเอชไอวีและการตรวจหาเชื้อเอชไอวี เป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนควรรู้สถานะการติดเชื้อ และตรวจเป็นประจำ หรือเมื่อมีพฤติกรรมที่ไม่ป้องกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรคสูงยิ่งขึ้น รวมทั้งในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานภาคธุรกิจเอกชน สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ในสถานที่ทำงานด้วย จึงเชื่อมั่นว่า ในปี 2573 ไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่จะยุติปัญหาเอดส์ได้สำเร็จอย่างแท้จริง

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2558 นี้ กรมควบคุมโรคได้จัดงบประมาณซื้อถุงยางอนามัยจำนวน 40 ล้านชิ้น ซึ่งสูงกว่าช่วงปีที่ผ่านมาที่มีปีละประมาณ 20 ล้านชิ้น เพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งปัญหาหลักของไทยร้อยละ 80 ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย สำหรับงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 14 และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2557 กำหนดประเด็นคือ “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา ร่วมยุติปัญหาเอดส์และเพศสัมพันธ์” มุ่งเน้นการยุติปัญหาเอดส์ร่วมกับการยกระดับความสำคัญโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นปัจจัยคู่ขนานการระบาดของเอชไอวี เพื่อเป็นเวทีให้บุคลากรและคนทำงานจากภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แลกเปลี่ยนความรู้ วิชาการทางลัด และประสบการณ์ สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้ทันที โดยมีผู้สนใจจากหน่วยงานและภาคส่วนต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมประชุมมากกว่า 2,000 คน

กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการอภิปรายใหญ่ 3 หัวข้อคือ 1.เข้าใจการตีตราและลดการเลือกปฏิบัติเพื่อยุติปัญหาเอดส์ 2.เปลี่ยนเพื่อไม่มีการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางสัมพันธ์ และ3.ไม่มีการเสียชีวิตจากเอดส์เพราะเอดส์ รักษาได้ โดยมีการนำเสนอผลงานวิชาการ 91 เรื่อง การจัดแสดงนิทรรศการ นำเสนอผลงานและกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ จำนวน 34 ซุ้ม และตลาดนัดชุมชน จำนวน 12 ร้าน การฉายภาพยนตร์ สารคดี 7 เรื่อง เวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การแสดงศิลปวัฒนธรรมกิจกรรมชุมนุม โดยมีพื้นที่เครือข่ายต่างๆ จำนวน 11 เครือข่าย มาร่วมนำเสนอกิจกรรมการทำงานในชุมชน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพูดคุยด้วย