ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ. เผยผลหารือข้อเสนอจัดงบบัตรทองระหว่าง สธ.-สปสช. นัดแรก ให้อนุการเงินการคลังกลับไปทำงานเพื่อประสานข้อเสนอทดลองคำนวณตามแบบสธ. และสปสช.ใน 2-3 สัปดาห์ เพื่อดูว่าผลการทดลองตามข้อเสนอเป็นอย่างไร ก่อนนำเข้าบอร์ดสปสช.พิจารณาอีกครั้ง ยันไม่ใช่การยื้อเวลา ชี้หลักประกันสุขภาพไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงต้องคำนึงถึงความเห็นต่าง และนำข้อมูลมาพิจารณา วอนทุกฝ่ายหยุดความเคลื่อนไหวเรื่องปลดปลัด แล้วหันมาทำงานแก้ปัญหาดีกว่า

5 ม.ค.58 เว็บไซต์ASTVผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. มีการประชุมหารือการปรับเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายหัวหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หลังจากที่มีความขัดแย้งมานานระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเดิมบอร์ด สปสช.มีมติให้ไปทดลองจัดสรรงบประมาณตามข้อเสนอของ สธ.ใน 2 เขตสุขภาพคือเขต 2 และเขต 10 โดยประชาคมสาธารณสุขมองว่ามติบอร์ด สปสช.ดังกล่าวเป็นการยื้อเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการปรับเปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณใหม่ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ มี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. และ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลัง เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า ประเด็นแรกคือแนวทางการจัดสรรงบรายหัวบัตรทองนั้น มีข้อสรุปว่าให้คณะอนุกรรมการการเงินการคลัง กลับไปทำงานอีกครั้ง เพื่อประสานข้อมูลตามข้อเสนอของทั้ง 2 ฝ่าย โดยในส่วนข้อเสนอของ สธ.ก็ให้ไปทำแบบจำลองกลไกการเงินใน 2 เขต ซึ่งทั้งหมดจะเร่งให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด สปสช.พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมภายในสัปดาห์หน้า เรื่องที่ 2 คือ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้เข้มข้นขึ้น เพื่อปรับการดำเนินงานของ สปสช.ต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย 3.ให้ปลัด สธ.กลับไปดำเนินการกรณีชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ไม่ส่งข้อมูลให้ สปสช. เพราะเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อทั้งผู้ป่วย หน่วยบริการ และการบริหารงานของ สปสช.

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเข้าที่ประชุมบอร์ด สปสช.จะพิจารณาเรื่องการจัดสรรงบให้ชัดเจนเลยหรือไม่ เพราะหากยังไม่ชัดเจน อาจทำให้ถูกมองว่าเป็นการยื้อเวลา ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ไม่ได้ยื้อเวลา เพราะหากยื้อเวลาจริง จะไม่เร่งให้แต่ละฝ่ายไปทำข้อมูลให้แล้วเสร็จใน 2-3 สัปดาห์ ซึ่งหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง การจะปรับเปลี่ยนอะไรจะต้องคำนึงถึงความเห็นที่แตกต่าง และนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเครือข่ายผู้ป่วยเรียกร้องให้ปลดปลัด สธ. ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า สิ่งสำคัญอยากให้ทุกฝ่ายหยุดความเคลื่อนไหว และหันมาทำงาน แก้ปัญหาร่วมกันดีกว่า

นายธนพล ดอกแก้ว ประธานชมรมเพื่อนโรคไต กล่าวว่า จากการพูดคุยกับเครือข่ายผู้ป่วยต่างๆ ยังยืนยันขอให้ปลด นพ.ณรงค์ ออกจากตำแหน่งปลัด สธ. เพราะมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา ส่วนจะไปเรียกร้องต่อนายกฯ เมื่อไรนั้น ขอหารือกับทางเครือข่ายก่อน