ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“รัฐบาล” วาง 3 นโยบายรับมือสังคมผู้สูงอายุ “นายกฯ” สั่งศึกษาทางเลือก “ประกันตน ม.40-กองทุนเงินออมแห่งชาติ” อันไหนดีกว่า ให้ประชาชนเลือกรับประโยชน์สูงสุด

13 ม.ค.58 เว็บไซต์สยามรัฐรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้รายงานสถานการณ์แนวโน้มผู้สูงอายุที่มีสูงขึ้น และอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้าจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายเพื่อรับมือสถานการณ์ไว้ 3 ส่วน คือ

1.สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี เช่น การพัฒนาเครื่องมือ เทคโนโลยีให้ผู้สูงอายุได้อยู่อย่างปลอดภัย การส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้ามาดูแล การออกแบบก่อสร้าง อาคารที่พัก ให้เกื้อกูลเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต เป็นต้น

2.การเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของผู้สูงอายุ จัดระบบสาธารณสุขให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าไปใช้บริการอย่างสะดวกและง่ายขึ้น

3.ส่งเสริมประกันรายได้ที่มั่งคงและยั่งยืน โดยผู้สูงอายุบางท่านที่อายุครบ 60 ปีแล้ว แต่ยังมีศักยภาพในการทำงาน และบางคนมีความสามารถในงานเฉพาะทาง จึงจะมีการแก้ไขกฎหมายให้มีความสอดคล้อง

นอกจากนี้จะมีการวางแผนการออมเงินไว้ใช้จ่ายในยามชรา พัฒนาระบบเงินบำนาญ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการถึงเรื่องกองทุนเงินออมแห่งชาติของรัฐบาลที่ผ่านมา และมาตรการประกันตนมาตรา 40 ที่มีข้อถกเถียงกันว่ากองทุนไหนดีกว่า โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำความชัดเจนว่าแต่ละส่วนมีกฎกติกาอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง และเลือกได้ว่าจะเข้าระบบไหนที่ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นภาระต่อรัฐบาล