ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘สาคร นาต๊ะ’ เปิดใจหลังข่าวถูกรวบตัวสนามบิน เผยถูกทหารเชิญตัวระหว่างลงเครื่องและสอบถาม พร้อมให้เซ็นเอกสารยืนยัน ไม่ยุยง ปลุกปั่น เข้าร่วมกิจกรรมก่อกวน ระบุทราบคำสั่งห้าม จนท.สาธารณสุข ออกนอกพื้นที่หลังเครื่องลงดอนเมืองแล้ว ยันแค่มาให้กำลังใจปลัดในฐานะคนทำงานร่วมกัน แสดงออกสัญลักษณ์ ไม่มีการขับไล่ใคร พร้อมชี้ หากนายกฯ เป็นประธานเรียกทุกฝ่ายในระบบสาธารณสุขทำความเข้าใจ หาทางออกร่วมกัน น่าเป็นทางออกที่ดีกว่า     

นายสาคร นาต๊ะ นายกสมาคมหมออนามัย เปิดเผยถึงกรณีข่าวถูกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เชิญตัว เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ในระหว่างเดินทางเพื่อไปให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า ภายหลังจากที่ทราบว่า นพ.ณรงค์ ถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคนที่เคยทำงานคลุกคลีร่วมกันจนท่านใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้ว ก็อยากที่จะไปให้กำลังใจท่าน โดยได้เดินทางไปกับ นายสุรศักดิ์ ชัยชนะ รองประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย และขณะนั้นก็มีงานที่โรงแรมเซนทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่ต้องไปร่วมจัดนิทรรศการอยู่แล้ว เพราะเราเป็นพื้นที่ตัวอย่าง แต่พอมาถึงสนามบินดอนเมืองจึงทราบภายหลังว่าได้มีคำสั่งห้ามออกนอกพื้นที่และไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลางาน และระหว่างลงจากเครื่องบินจึงได้มีทหารโทรศัพย์มาพูดคุยและขอเชิญตัวไปสอบถาม

นายสาคร กล่าวว่า ที่มาของการถูกเชิญตัวครั้งนี้ คงมาจากกรณีที่มีสื่อมาสัมภาษณ์และสอบถามว่าจะมีคนมาให้กำลังใจปลัด สธ.หรือไม่ ซึ่งตนได้ตอบไปว่าทางชมรมสาธารณสุขที่มีอยู่กว่า 50 ชมรมคงต้องเดินทางไป แต่ก็ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพียงแต่คาดว่าน่าจะเป็นหลักพัน ทั้งนี้ยืนยันว่าเราเพียงแต่อยากมาให้กำลังใจปลัด สธ.เท่านั้น ไม่ได้มาก่อกวนความวุ่นวายอะไร และเรื่องปัญหาในระบบสาธารณสุขก็อยากให้มีการหาทางออกร่วมกัน ไม่อยากให้ครอบครัวสาธารณสุขต้องแตกแยก โดยส่วนตัวมองว่า ทั้ง ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เป็นนักวิชาการ และ ปลัด สธ.เป็นนักปฏิบัติ ต่างคนต่างเป็นคนทำงานจึงอยากให้ทำงานร่วมกัน

ทั้งนี้มองว่าหากปัญหาในระบบสาธาณสุขเดินหน้าไม่ได้ ในความเห็นคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะเรียกทุกองค์กร ทุกชมรมในระบบสาธารณสุขไปร่วมพูดคุยและหามติ เป็นการทำความเข้าใจที่หาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขตสุขภาพ หรือการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าและเรื่องก็จะจบลงได้สวยกว่านี้ เพราะสุดท้ายประโยชน์ก็คือชาวบ้าน นอกจากนี้การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งท่านเป็นทหารมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยปัญหาด้วยตนเอง การตัดสินใจใดๆ ก็จะทำได้ง่ายกว่า   

“วันที่ผมถูกรวบตัว ในไฟล์ทบินผมลงเป็นคนแรกๆ เพราะนั่งอยู่แถวหน้าของเครื่องบิน พอลงมาก็มีทหารมาทักและเชิญไปคุย ถามผมว่ามาทำอะไร รู้มั้ยว่ามีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งผมก็ตอบไปว่ามาจัดนิทรรศการ และยังถามต่อด้วยว่าจะไปให้กำลังใจปลัด สธ.หรือไม่ ผมก็บอกว่าไป ซักพักก็มีรถกอลฟ์มารับไปคุย กลายเป็นเรื่องใหญ่ไป แต่ยืนยันว่าการมาให้กำลังใจปลัด สธ. ผมมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ในฐานะคนทำงานที่ได้คลุกคลีกัน เคารพนับถือกัน และมองว่าไม่ได้เป็นความผิดอะไร เพราะเรามาด้วยเจตนาดี ไม่ได้มาก่อกวนหรือขับไล่ใคร เป็นแค่การแสดงออกทางสัญลักษณ์ และหลังพูดคุยกันที่ห้องวีไอพี สนามบินดอนเมือง จนเกือบตี 2 ของวันที่ 13 มี.ค.ก็ปล่อยตัวมา โดยให้เซ็นเอกสารว่าจะไม่ยุยง ปลุกปั่น ไม่ร่วมกิจกรรมที่ก่อกวน ซึ่งผมก็ยินดี เพราะไม่มีอะไรและไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้นอยู่แล้ว” นายสาคร กล่าวและว่า ทั้งนี้ในวันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้ไปให้กำลังใจปลัด สธ. เนื่องจากมีผู้ใหญ่ห้ามว่าไม่ควรมา

ต่อข้อซักถามว่า การย้ายปลัด สธ.ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่องานในส่วนของหมออนามัยหรือไม่ นายสาคร กล่าวว่า คงกระทบเพราะงานหลายอย่างของหมออนามัยเกี่ยวข้องกับ ปลัด สธ. อย่างสภาวิชาชีพการสาธารณสุขซึ่งมีปลัด สธ.ที่ประธานคณะกรรมการในช่วงเฉพาะกาลก็ต้องชะงักไปก่อน นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการปฏิรูปเขตสุขภาพ การทำระบบสุขภาพอำเภอที่อยู่ระหว่างทดลอง ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ไม่รู้ว่าจะเดินหน้าอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีข่าวถูก กอ.รมน.รวบตัวที่สนามบินดอนเมือง ทำไมจึงไม่สามารถติดต่อได้ นายสาคร กล่าวว่า เนื่องจากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีคนโทรศัพย์เข้ามามาก และไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง ซึ่งทางผู้ใหญ่แนะนำว่าให้ปิดมือถือหยุดติดต่อชั่วคราวไปก่อน จนเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มปกติแล้วจึงกลับมาเปิดมือถือใหม่ อย่างไรก็ตามกรณีที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะสะท้อนให้เห็นว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร