ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.รัชตะ ประชุมผู้บริหารสธ.เร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย 10 ด้านเป็นพิเศษ แจงเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล ให้อธิบดีและผู้ตรวจราชการ ติดตามให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริงได้โดยเร็ว ส่วนนโยบายเขตสุขภาพ อยู่ในนโยบายข้อที่ 3 และ 5 ระบุให้เชื่อมโยงกับกลไกเขตสุขภาพของ สปสช. และสมัชชาสุขภาพในทิศทางเดียวกัน 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 ที่ กระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีทุกกรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงนโยบายและเร่งรัดให้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลทั้ง 10 ด้าน โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมต่างๆ และผู้ตรวจราชการ ติดตามและเร่งดำเนินงานด้านต่างๆ ให้เสร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์ผลงานต่างๆ ให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น ดังนี้

1.เร่งรัดงานตามแนวพระราชดำริ และโครงการเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์ทุกพระองค์ โดยให้ทุกกรมจัดโครงการเกี่ยวข้องและระดมวันสำคัญต่างๆ ในแต่ละเดือน โดยในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดโครงการ เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบครบ 60 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2558 รวม 27 โครงการ เช่น การขยายศูนย์เรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีเด็กป่วยในโรงพยาบาล โครงการชุมชนต้นแบบไอโอดีน ซึ่งเป็นโครงการที่ทรงให้ความสำคัญ เป็นต้น

2.เร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง งบลงทุนปี 2558 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับประมาณ 2,700 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคม 2558 ตามหนังสือสั่งการของสำนักงบประมาณ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ให้ผู้ตรวจราชการทุกเขตติดตามใกล้ชิด 

3.เร่งรัดการพัฒนาระบบบริการตามแผนจัดบริการเขต หรือเซอร์วิส แพลน (Service Plan) ทั้ง 10 สาขาเฉพาะทาง ให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ ได้เพิ่มขึ้น วัดผลได้รายเดือนเพื่อส่งรายงานให้นายกรัฐมนตรี และจะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการเขตสุขภาพด้วย ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2558 เป็นต้นไป

4.พัฒนาทีมหมอครอบครัว (Family Care Team) ให้ครอบคลุมประชากรทุกครัวเรือนและเร่งรัดการพัฒนายุทธศาสตร์ทศวรรษการพัฒนาระบบปฐมภูมิให้เข้มแข็ง เชื่อมโยงการทำงานระหว่างรพ.สต.และโรงพยาบาลใหญ่ในพื้นที่ เป็นที่พึ่งด่านแรกของประชาชน มีเป้าหมายให้ได้ปีนี้ 30,000 ทีม เน้นดูแล 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สูงอายุติดเตียง ผู้พิการ และผู้ป่วยระยะสุดท้าย จำนวน 2 ล้านคน ขณะนี้มีทีมหมอครอบครัวแล้ว 14,657 ทีม   

5.พัฒนาการจัดเขตสุขภาพเพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการระบบสุขภาพ ทั้งภายในกระทรวงและเชื่อมโยงกับกลไกอื่นๆ โดยเฉพาะ สปสช. และสมัชชาสุขภาพ ในทิศทางเดียวกัน 

6.เร่งรัดการสร้างเสริมสุขภาพตามกลุ่มวัย และบูรณาการ 5 กระทรวงด้านสังคม เช่นมหาดไทย พัฒนาสังคมฯ ศึกษาธิการ เน้นการส่งเสริสมสุขภาพ โดยเฉพาะโครงการเร่งด่วนคือการแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งมีอัตรา 51 คนต่อการคลอด 1,000 คน ผลกระทบมากทั้งต่อแม่และต่อทารก รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติและมียุทธศาสตร์ทำงาน ตั้งเป้าลดปัญหาลงร้อยละ 50 ในอีก 10 ปี   

7.พัฒนาการจัดระบบการดูแลระยะยาวแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยระยะสุดท้ายในท้องถิ่น โดยจัดทีมหมอครอบครัว ประสานการทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อสม. และอาสาสมัครอื่นๆ เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน 

8.พัฒนาและส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุขให้เข้มแข็ง ให้กระทรวงสาธารณสุขปลอดคอร์รัปชัน ในการจัดซื้อจัดจ้างยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นธรรม มีระบบตรวจสอบถ่วงดุล และเสริมสร้างศักยภาพ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 

9.การลดอุบัติเหตุ ซึ่งไทยประเทศที่มีผู้ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจราจรสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน เน้นการบูรณาการการป้องกันร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคมนาคม องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งเป้าให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงต้นแบบการป้องกันอุบัติเหตุทุกจังหวัด

และ10.การเร่งกำจัดขยะมูลฝอยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ในการประชุมครั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะได้กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น ภาคเหนือที่ต้องเผชิญปัญหาหมอกควันรวมทั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งต้องปฏิบัติงานภายใต้ความเสี่ยงทางสุขภาพและความปลอดภัยต่อชีวิต และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนผนึกกำลังกันทำงานรับใช้ประชาชน