ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณสำหรับเด็กแรกเกิดถึงอายุ 1 ปี จำนวน 400 บาท/คน/เดือน เริ่มทดลองนำร่อง 1 ต.ค.58-30 ก.ย.59 วงเงินงบประมาณ 600 กว่าล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค.58 เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เสนอแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยให้จัดสรรงบประมาณสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 1 ปี จำนวน 400 บาท/คน/เดือน เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยจะจ่ายให้กับผู้ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม

ทั้งนี้ จะทดลองประเมินผล 1 ปี ผู้ที่อยู่ในข่ายต้องมีสัญชาติไทย เริ่มวันที่ 1 ต.ค.58 ถึงวันที่ 30 ก.ย.59 วงเงินงบประมาณ 600 กว่าล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเพียงพอเนื่องจากปัจจุบันการเกิดลดน้อยลง เพื่อให้พ่อแม่ได้มีเงินสวัสดิการดูแลเด็กให้มีคุณภาพในอนาคต

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พม. ได้เสนอโครงการเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เพื่อเป็นสวัสดิการในเรื่องคุณภาพชีวิตให้กับผู้ยากจน โดยจัดเป็นโครงการนำร่อง 1 ปีสำหรับเด็กที่มีพ่อแม่เป็นคนไทยเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.58-30 ก.ย.59

ทั้งนี้ รายละเอียดของโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ที่ ครม.มีมติเห็นชอบหลักการ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1. วัตถุประสงค์ : เป็นการจัดสวัสดิการพื้นฐานเพื่อสร้างระบบการคุ้มครองทางสังคมและเป็นหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ รวมทั้งเป็นมาตรการจูงใจให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก นำเด็กเข้ารับบริการทางสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างเป็นระบบ

2. กลุ่มเป้าหมายและงบประมาณ : เด็กแรกเกิดสัญชาติไทยที่บิดาและ/หรือมารดามีสัญชาติไทย เกิดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2558 – 30 กันยายน 2559 และอยู่ในครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน โดยอุดหนุนรายละ 400 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 1 ปี

3. พื้นที่การดำเนินงาน : ครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจนทั่วประเทศ

4. เป้าหมาย : จัดสวัสดิการพื้นฐานเพื่อสร้างระบบการคุ้มครองทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำและเป็นหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ

5. ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ :

5.1 ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ : เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสร้างรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ เพื่อให้เด็กสามารถเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพของสังคมและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

5.2 ประโยชน์ต่อเด็ก : เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ เข้าถึงบริการทางสาธารณสุข มีคุณภาพอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะสามารถส่งเสริมให้เด็กแรกเกิดและปฐมวัย มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงวัยอื่นๆ ต่อไป

5.3 ประโยชน์ต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก : ได้รับการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็ก รวมทั้งทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก มีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านโรงเรียนพ่อแม่

6. ผลสัมฤทธิ์และตัวชี้วัด : ร้อยละ 95 ของเด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพและมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย

7. การติดตามประเมินผล : ติดตามประเมินผลโดยกลไกคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง