ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมอรัชตะ เผยที่ประชุมบอร์ดสปสช.หารือปัญหารพ.ขาดทุน เห็นชอบให้ สป.สธ.และ สปสช.จับมือกับแก้ไขปัญหา ให้ความร่วมมือกับ คกก.แก้ปัญหารพ.ขาดทุนที่ตั้งขึ้นอย่างเต็มที่ มอบสปสช.เร่งรัดจัดสรรเงินกองทุนบัตรทองปี 58 ให้ถึงมือหน่วยบริการ 80% ในเม.ย.นี้ เน้นกลุ่ม รพ.พื้นที่เสี่ยง ทุรกันดาร ส่วนงบปี 59 ที่จะได้เพิ่ม 10,000 ล้านบาท ให้จัดสรรถึงหน่วยบริการเหมาะสม และมอบ สป.สธ.พัฒนาระบบบริการ การบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้าน ‘นิมิตร์’ เน้น 2 น่วยงานต้องจับมือทำงาน ย้ำอย่ามองประชาชนเป็นแค่ผู้ป่วยหรือผู้รับบริการ แต่ให้มองว่ามีส่วนร่วมเสนอแนวทางพัฒนาระบบด้วย

เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 ณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ด สปสช.ว่า จากกรณีมีกระแสข่าวว่า รพ.ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) มีปัญหาขาดสภาพคล่องหรือที่เข้าใจกันว่า รพ.ขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาปัญหาสถานะทางการเงินและปรับปรุงระบบการเงินและบัญชีของหน่วยบริการในสังกัด สป.สธ. ที่มี นางสาวนวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)เป็นประธาน ในการประชุมบอร์ดสปสช.วันนี้ (3 เม.ย.) ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ สป.สธ.และสปสช.ร่วมมือกันแก้ไข รพ.ขาดทุน ดังนี้

1.ให้ทั้ง 2 ฝ่าย คือ สป.สธ.และสปสช.ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคณะกรรมการชุดนี้

2.ให้ สปสช.เร่งรัดการจัดสรรเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2558 เข้าสู่หน่วยบริการภายในเมษายน 2558 นี้ ให้ได้ร้อยละ 80 ของงบเหมาจ่ายทั้งหมด โดยเน้นกลุ่ม รพ.ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทางการเงิน เช่น ในพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง รพ.ตามชายแดน และพื้นที่ทุรกันดาร เป็นต้น ขณะเดียวกันให้เตรียมจัดสรรเงินงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2559 ที่จะได้รับเพิ่มเติม 10,000 ล้านบาท  ให้ถึงมือหน่วยบริการอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว

3.สป.สธ.จะเน้นการพัฒนาระบบบริการ และการบริหารจัดการของ รพ.แต่ละจังหวัดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จัดระบบการส่งต่อผู้ป่วย และให้มีการช่วยเหลือกันแบบพี่ช่วยน้องและน้องช่วยพี่ทั้งในระดับจังหวัดและเขต ซึ่งเป็นแนวทางที่ สป.สธ.ยึดถือดำเนินการมาอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้พัฒนาขึ้นอีก

“การทำงานระหว่าง สป.สธ. และ สปสช.มีทิศทางไปในทางเดียวกันดีมากขึ้น ในส่วนของปัญหา รพ.ขาดทุนนั้น เชื่อว่า หลังจากที่คณะกรรมการฯ ชุดที่มี นส.นวพร เรืองสกุล เป็นประธานได้ดำเนินการ จะสามารถหาปัญหาข้อเท็จจริง  และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ตามหลักการวิชาการ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอย่างที่ผมย้ำหลายครั้งว่า ความจำเป็นของการตั้งคณะกรรมการนี้ก็เพื่อให้การแก้ปัญหาตรงกับสาเหตุที่เกิดขึ้นจริง มีการแก้ไขจริง และเห็นผลจริง ที่สำคัญคือเป็นการแก้ไขที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและเห็นพ้องร่วมกัน หากไม่ตั้งคณะกรรมการเป็นคนกลางมาดำเนินการท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างกัน ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ไม่ผ่อนคลาย ซึ่งผลสรุปของคณะกรรมการชุดนี้น่าจะได้เร็วๆนี้” ศ.นพ.รัชตะ กล่าว

ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม บอร์ด สปสช.สัดส่วนภาคประชาชน กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมาระหว่าง สป.สธ. และ สปสช.นั้น แม้จะเห็นต่างกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเห็นต่างที่ต้องการพัฒนาระบบให้ดีขึ้น ซึ่งในกรณีแบบนี้ สิ่งสำคัญคือต้องร่วมมือกันทำงาน ไม่ใช่บอยคอตกันอย่างที่ผ่านมา หากทำแบบนั้น ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ ที่สำคัญทั้ง 2 หน่วยงานต้องมองการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มาก อย่ามองแค่ประชาชนเป็นผู้ป่วย เป็นผู้รับบริการอย่างเดียว แต่มองประชาชนในฐานะพลเมืองที่สามารถเสนอแนวทางได้ว่าต้องการอะไรจากระบบนี้ด้วย

“สป.สธ. ไม่ใช่ของปลัด สธ. หรือของรัฐมนตรีขณะเดียวกัน สปสช.ก็เช่นเดียวกันไม่ใช่ของ เลขาธิการหรือของบอร์ด สปสช.เท่านั้น แต่พวกท่านกำลังทำหน้าที่แทนประชาชน ดังนั้น 2 หน่วยงานต้องจับมือกันทำงาน และ รพ.ต้องมีการปฏิรูปการบริหารจัดการและเปิดโอกาสคนในพื้นที่ มีส่วนร่วมในการดูแลงานและเลือกผู้บริหารของ รพ.มากขึ้นด้วย” นายนิมิตร์กล่าว