ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
กระทรวงสาธารณสุข ห่วงช่วงเทศกาลสงกรานต์อาจมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว เสี่ยงทั้งนำเชื้อไปแพร่และรับเชื้อจากพื้นที่ แนะทำความสะอาดบ้าน กำจัดลูกน้ำยุงลาย ทายากันยุงป้องกันยุงกัด หากเป็นไข้หวัดให้พักผ่อนมากๆ งดเดินทาง งดเล่นน้ำสงกรานต์ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อแพร่สู่คนอื่น หากมีไข้สูงและไข้ไม่ลดใน 2 วัน ให้พบแพทย์รักษา
 
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงวันหยุดยาว 5 วันเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับไปฉลองสงกรานต์ที่ภูมิลำเนาเดิม รวมทั้งไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศ มีโอกาสอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เอื้อให้โรคบางโรคแพร่ระบาดในช่วงนี้ง่าย ที่เป็นห่วงมี 2 โรคคือ โรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการนำเชื้อโรคไปแพร่ให้คนอื่นๆ ในภูมิลำเนา หรือรับเชื้อจากพื้นที่ต่างๆ ที่เดินทางไปได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกที่คนรับเชื้อแล้วแต่ยังไม่แสดงอาการทันที หากถูกยุงลายที่บ้านกัดจะทำให้เชื้อกระจายไปยังคนอื่นได้ หรือไปในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกอยู่ก็มีโอกาสรับเชื้อผ่านยุงลายได้เช่นกัน
 
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย โดยเชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย และติดกันได้จากการไอ จาม และปนเปื้อนอยู่ที่ภาชนะของใช้ส่วนตัว หรือของใช้สาธารณะ เช่น ลูกบิด ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันได ราวรถโดยสาร เบาะรถโดยสาร ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังโรค และประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนประชาชนในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรค
 
ทางด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ปี 2558 ตั้งแต่ 1 มกราคม-6 เมษายน พบผู้ป่วย 6,819 ราย เสียชีวิต 4 ราย คาดการณ์ว่าเดือนเมษายนเป็นต้นไป ผู้ป่วยจะเริ่มสูงขึ้น และเพิ่มอย่างรวดเร็วในเดือนพฤษภาคมเนื่องจากเป็นฤดูฝน ปริมาณยุงลายพาหะนำโรคมีมาก จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกบ้านช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ ทำความสะอาดบ้านเรือน กำจัดลูกน้ำยุงลายทุก 7 วัน อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ทั้งในบ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และชุมชน เพื่อลดปริมาณยุงลายให้ได้มากที่สุด และป้องกันยุงกัดโดยการนอนในมุ้งหรือทายากันยุง อาการสำคัญของไข้เลือดออก ได้แก่ ไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร เมื่ออาการรุนแรงจะมีอาการจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง อาเจียนเป็นเลือด ช็อค และเสียชีวิต หากมีอาการให้รีบพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์ทันที
 
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2558 นี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม -5 เมษายน พบผู้ป่วย 22,556 ราย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 7-14 ปี คิดเป็นร้อยละ 23 เสียชีวิต 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน หรือเป็นผู้สูงอายุ จึงขอย้ำเตือนประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวที่กล่าวมา รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ หากป่วยเป็นไข้ ไอรุนแรง ปวดเมื่อยตามร่างกาย เจ็บคอ อ่อนเพลีย ให้รีบพบแพทย์ทันที ส่วนประชาชนทั่วไป หากป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้พักผ่อนให้เต็มที่ หยุดพักงาน หยุดเดินทาง ให้งดการเล่นน้ำสงกรานต์ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง และหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อแพร่สู่คนอื่น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้พบแพทย์ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะโรคปอดบวม ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในการป้องกัน ขอให้ประชาชนรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลางตักอาหาร ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ รับประทานผลไม้สดมากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่คลุกคลีกับผู้ที่เป็นหวัด และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปในที่มีผู้คนแออัด
 
ที่มา: http://www.thanonline.com