ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ลุยยื่น 33,000 ชื่อ ผลักดันตั้งคณะกรรมการควบคุมราคา รพ.เอกชน เหตุราคารักษาสูงเกินจริง

11 พ.ค.58 เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ผู้รณรงค์แคมเปญ “ล่า 1 หมื่นชื่อ หนุนตั้ง "คกก.ควบคุมราคารพ.เอกชน" กล่าวว่า ในวันที่ 12 พ.ค. ทางเครือข่ายฯจะยื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 33,000 ชื่อ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมการควบคุมราคารพ.เอกชน ตามที่มีประชาชนเรียกร้อง

“เหตุที่รณรงค์เรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาก็ได้รับเรื่องร้องเรียนและมีหลักฐานว่าโรงพยาบาลเอกชนคิดค่ายาและค่าบริการสูงเกินจริงจำนวนมาก ซึ่งในตอนแรกทางเครือข่ายฯ ตั้งเป้าแค่ให้มีสนับสนุนประมาณ 10,000 คน แต่ปรากฎว่าแค่เพียง 2 สัปดาห์ ได้มีประชาชนลงชื่อสนับสนุนเรื่องนี้กว่า 33,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่เดือดร้อนจากค่ารักษาพยาบาลที่สูงเกินจริงของรพ.เอกชนนั้น มีอยู่จริงและจำนวนมาก”นางปรียนันท์กล่าว

นางปรียนันท์ กล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยอมรับว่าค่ารักษาของ โรงพยาบาลเอกชนนั้นแพงเกินจริง พร้อมสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งตรวจสอบ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างขานรับคำสั่งของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

ทั้งนี้ในเวลา 12.00 น. วันที่ 12 พ.ค. ทางเครือข่ายฯจะยื่นรายชื่อทั้งหมดต่อ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว. สาธารณสุข ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อจากนั้นเวลา 15.00 น. ทางเครือข่ายฯจะยื่นรายชื่อให้กับ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธานกรรมาธิปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สปช. และ รศ.พญ.พรพันธุ์ บุญรัตพันธุ์ ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สนช.ที่รัฐสภา

ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 58 ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 294 (4) ว่า “ให้มีการพัฒนากลไกการกำกับดูแลระบบสุขภาพและการให้บริการสุขภาพในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดที่เป็นธรรม กำกับควบคุมราคายาและค่าบริการทางการแพทย์ให้มีราคาและค่าใช้จ่ายที่เหมาสมเป็นธรรมต่อผู้รับบริการ”

ดังนั้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการยื่น 3.3 หมื่นชื่อแล้ว ภาคประชาชนในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงขอตั้งตัวแทนเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องค่ารักษาของโรงพยาบาลเอกชน กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายต่อไป