ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ASTVผู้จัดการรายวัน - สปสช.ถอยตั้งหลัก เลื่อนถกตีความวิจัยผู้ป่วยบัตรทองตายมากกว่าข้าราชการ อ้างคนอยากฟังเยอะ ออกรายการไทยพีบีเอส 24-25 มิ.ย.แทน ด้าน "อานนท์" ยันไม่ตีความผิด ตัวเลขคือตัวเลข บิดเบือนไม่ได้ "หมออภิวัฒน์" ชี้ สปสช.จำกัดสิทธิเข้าถึงยา-วิธีการรักษาผู้ป่วย ส่งผลกระทบการรักษา อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรม วอนยอมรับและแก้ไข

ASTVผู้จัดการรายวัน : วานนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และ ศ.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่ผลวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่รายงานอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยบัตรทองใน 5 กลุ่มโรคมากกว่าผู้ป่วยสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบและต้องแก้ไข ซึ่งทางด้านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มองว่าเกิดจากการตีความงานวิจัยที่ไม่ถูกต้อง จึงมีการประชุมอภิปรายเรื่องการตีความงานวิจัยในระบบหลักประกันสุขภาพในวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งตามกำหนดการจะมี ดร.อานนท์ ศ.นพ.อภิวัฒน์ ศ.อัมมาร สยามวาลา จากทีดีอาร์ไอ ดร.ตรีนุช ไพชยนต์วิจิตร จากทีดีอาร์ไอ และ นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าร่วมนั้น โดยจัดขึ้นที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปรากฏว่าได้มีการยกเลิกการอภิปรายดังกล่าวไป

ดร.อานนท์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ สปสช.แจ้งการยกเลิกการอภิปราย เพราะมีคนต้องการเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องผู้ป่วยบัตรทองตายมากกว่าผู้ป่วยสิทธิข้าราชการไม่ได้เกิดจากการตีความงานวิจัยผิด เพราะงานวิจัยตัวเลขก็คือตัวเลข ออกมาชัดเจน จะไปเสกให้เป็นอย่างอื่นคงไม่ได้ แต่ที่ผ่านมางานวิจัยดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา เปิดเผยงานวิจัยเพียง แค่ว่าระบบบัตรทองได้รับงบประมาณน้อย จำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ต้องให้เครดิตทีดีอาร์ไอที่ทำงานวิจัยดังกล่าวให้เห็นสภาพปัญหาที่แท้จริง แม้จะไม่ได้มีการเปิดเผยผลงานวิจัยก็ตาม ซึ่งตนอยากให้ สปสช. ยอมรับความจริงในงานวิจัยดังกล่าว และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ศ.นพ.อภิวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องมีการพูดคุยกัน ยิ่งเร็วยิ่งดี เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาและลดอัตราการเสียชีวิตลง เพราะผลการวิจัยที่ออกมาอัตราการเสียชีวิตไม่ใช่น้อยๆ และเมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิข้าราชการก็พบว่าอัตราการตายสูงกว่ากันมาก แสดงว่าต้องมีปัญหา ที่เห็นชัดเจนอย่างหนึ่งคือการรักษาตามสิทธิการรักษา ซึ่งทำให้มีการรักษาต่างกัน เพราะ สปสช.ต้องการประหยัดงบประมาณ โดยการจำกัดการเข้าถึงยาของผู้ป่วยและเสรีภาพการให้ยาของแพทย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรักษา เช่น กำหนดบัญชียาหลัก ซึ่งวงการแพทย์มีการพัฒนายาตัวใหม่ๆ แต่ผู้ป่วยไม่มีสิทธิใช้ได้ หรือการกำหนดสูตรยาเฉพาะ ซึ่งเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องได้รับยาตัวอื่นในการรักษา เพราะใช้ยาสูตรเฉพาะตามที่ สปสช.กำหนดแล้วไม่ได้ผล แต่ก็ไม่สามารถสั่งยาตัวอื่นมาใช้ได้ ซึ่งหากสั่งยาให้ผู้ป่วย แพทย์ก็ต้องจ่ายค่ายาทั้งหมดเอง ทำให้แพทย์ไม่กล้าสั่งยา หรือการกำหนดวิธีการรักษา เช่น ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ก็กำหนดให้ใช้วิธีการล้างไตผ่านช่องท้องเป็นอันดับแรกเท่านั้น ซึ่งเป็นการกำหนดโดยไม่ผ่านการวิจัยก่อนที่จะกำหนดเป็นนโยบายว่าจะเกิดผลเสียอะไรหรือไม่ สุดท้ายก็มีการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก

"การดำเนินการเช่นนี้อาจผิดจริยธรรม เพราะละเมิดสิทธิคนไข้ที่จะได้รับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งหาก สปสช.ไม่ทราบ ก็ถือว่าไม่ผิด แต่ตอนนี้มีคนเตือนแล้ว ก็อยากให้ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยบัตรทองมีอัตราการตายสูงกว่าข้าราชการหรือไม่ก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับและแก้ไข ควรประชุมและชี้แจงว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร หรือหากแก้ไขไม่ได้ก็ควรมีการประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันว่าจะดำเนินการเช่นไร" ศ.นพ.อภิวัฒน์ กล่าว

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษก สปสช. กล่าวว่า การยกเลิกงาน เพราะตั้งใจจะคุยกันเฉพาะนักวิชาการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ปรากฏว่ามีการขอเพิ่มรายชื่อบุคคลอื่นๆ มาอีกกว่า 20 คน จึงขอเลื่อนงานออกไป โดยถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ไทยพีบีเอส วันที่ 24-25 มิ.ย.แทน เพราะไม่อยากให้เป็นเวทีมาโต้หรือถกเถียงกัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน วันที่ 24 มิถุนายน 2558