ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ : “บ๊กตู่” รับลงนามหาข้อสรุปให้ชัด ก่อนย้าย “นพ.ณรงค์” กลับนั่งปลัด สธ.หรือไม่ พร้อมมอบรองนายกฯ วิษณุ ดูแล เหตุผลสอบสวนออกมาว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติใน สธ. แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าผิดอะไร แจงถ้าตอบมาแค่นี้คงไม่ต้องสอบสวน ทำเองก็ได้ ชี้ที่ผ่านมา ชี้ 30 บาทเป็นประชานิยมแต่ประชาชนได้ประโยชน์ แต่อยากถามว่าเราพร้อมหรือยัง 190 ประเทศไม่เห็นมีใครทำ มีทำเพียงกี่ประเทศ จนเกิดเป็นภาระอย่างทุกวันนี้ 

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เวลา 11.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีการลงนามให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ กลับไปทำหน้าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขต่อ ว่า “ทำไมล่ะ และที่มีข่าวว่าผมได้ลงนามไปแล้วนั้น ความจริงเป็นการลงนามในข้อสรุป โดยให้การไปดำเนินการต่อให้ชัดเจนมากขึ้นและถ้ามีความชัดเจนขึ้นก็ให้เขากลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ความหมายของผมคือตรงนี้ที่มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปดูแลในเรื่องดังกล่าว

"นายวิษณุ เป็นรองนายกฯ ที่ดูแลฝ่ายกฎหมายก็ไปทำในแง่ของการนำผลสอบสวนแต่ละอันมาวิเคราะห์ว่าจะสรุปอย่างไร เพราะมีการสรุปว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติในกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีความผิดอะไรพร้อมเสนอให้ นายกฯหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้ ซึ่งเหตุผลตรงนี้ไม่ชัดเจน ถ้าตอบมาแค่นี้คงไม่ต้องสอบสวน ผมทำเองก็ได้ แต่เนื่องจากปัญหามีความซับซ้อนในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขด้วย ข้าราชการมีความเห็นต่างกันต้องหาข้อยุติให้ได้ ตอนนี้มีเรื่องของสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้ามาอีก เป็นเรื่องข้อสังเกตขององค์กรอิสระต่างๆ เข้ามาอีกก็ต้องสอบกันทั้งหมด"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือ สิ่งที่มีผลกระทบอันเกิดขึ้นจากความขัดแย้ง การใช้สิทธิตามหลักประกันจะทำอย่างไรก็ต้องไปดูในจุดนี้ก่อน ในเรื่องความขัดแย้งของคนก็ต้องมีการสอบออกมา ซึ่งก็ต้องใช้เวลา แต่ทำอย่างไรการใช้จ่ายเงินงบประกันสังคมจะออกมาได้จากที่ยังติดค้างอยู่ ต้องมองประเด็นที่ผลประโยชน์ชาติและประชาชนมาก่อน เรื่องตัวบุคคลเป็นเรื่องของกลไก และกฎหมายที่ต้องว่ากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องของ สปสช.จะมีทางออกที่ดีหรือไม่หลังจากที่เกิดความขัดแย้งค่อนข้างรุนแรงในองค์กร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐกำลังทำอยู่ในเรื่องการลดความขัดแย้ง ตนเป็นคนทำแต่บางคนทำให้เกิดความขัดแย้งมีการขยายความกันเรื่อยเปื่อยไม่จบทุกคนก็รู้ดี อย่างไรก็ตาม สปสช.ก็ต้องมาแก้ไขเพื่อให้เกิดการยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะทุกวันนี้ทั้งหมอชนบท หมอสาธารณสุข และอีกหลายหมอวุ่นกันไปหมด ก็ต้องขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยกันอธิบายว่าตนและรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาในจุดนี้อยู่

เมื่อถามว่าเป็นเพราะเงินงบประมาณในส่วนนี้มีเยอะมากเกินไปหรือไม่จึงทำให้เกิดปัญหา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “มันเยอะยังไง วันนี้มันบางที่ไหนกันเล่า อย่าไปพูดว่ามีการทะเลาะกันมายาวนาน แต่เป็นเพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่สนใจและไม่ใส่ใจในเรื่องของงบประมาณสาธารณสุขมันมีไม่พอ ที่ไม่พอเพราะไปทำโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นไปได้หรือไม่ ความจริงผมไม่อยากจะพูด โครงการรักษาทุกโรคนั้น เป็นโครงการประชานิยม ประชาชนได้รับประโยชน์ ผมไปพูดอะไรไม่ได้ แต่อยากถามว่าเรามีความพร้อมหรือยัง เฉลี่ยแล้วอยู่ที่คนละ 2,900 บาท แล้วรักษาพอหรือไม่ แล้วโรงพยาบาลจะรับไหวหรือไม่ในงบประมาณแค่ 2,900 บาท มันรับไม่ไหวโรงพยาบาลก็จะเจ๊ง พอเจ๊งแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องไปหางบประมาณให้กับ สปสช.เข้ามาเพิ่มให้เท่านั้นเอง จำนวนเงินดูเหมือนมากแต่เมื่อนำไปหารเฉลี่ยเป็นเงินเพียงนิดเดียว ผมขอถามว่าประเทศไทยพร้อมแล้วหรือยังอีก 190 กว่าประเทศยังไม่เห็นมีใครทำเลยในโครงการแบบนี้ มีทำเพียงกี่ประเทศเชียว

อยากถามว่ารัฐบาลไหนทำมาแล้วผมจะไปล้มได้หรือไม่ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแต่เป็นเรื่องของการบิดเบือนในเกือบจะทุกเรื่อง จึงทำให้เป็นภาระในวันนี้ แล้วก็ออกมาเรียกร้อง มันจะเอาอะไรจากผมกันเล่า ถ้าผมสามารถทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปงบประมาณ สปสช.จะต้องทำอย่างไร ส่วนไหนจะให้กับโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนไหนจะเป็นเรื่องของโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องนำไปเติมให้ ส่วนตัวเชื่อว่าในวันข้างหน้าอีกไม่กี่ปีโรงพยาบาลจะเจ๊งทั้งหมด แต่ก็ยังมีคนชื่นชมคนที่คิดโครงการนี้ออกมา แล้วจะให้ผมพูดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นสื่อมวลชนก็จะมาด่าผม เราดูแลทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจน มีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมด ถึงวันนี้ผมไม่ได้ฝืนและคงไปยกเลิกไม่ได้ เพียงแต่ต้องคิดว่าต้องทำอย่างไรให้มีเงินมากขึ้น วันนี้ถ้าทุกคนเรียกร้องทั้งหมดปัญหาก็มีเป็น 100 เรื่องต้องใช้เงินเป็นพันๆ ล้านบาท จะเอาทุกอย่างแต่รายได้ไม่มีสักบาท แล้วจะเอารายได้มากันจากไหน ทุกวันนี้เราลงทุนเพื่ออนาคต ก็ต้องมาดูกันว่าในวันข้างหน้าใครจะเข้ามาสร้างอนาคตให้กับประเทศ

ถ้ามัวแต่ไปสร้างความขัดแย้งก็จะกลายเป็นปัญหาทั้งหมด กลายเป็นผมขัดแย้งกับสื่อมวลชน และไปขัดแย้งกับกลุ่มนั้น กลุ่มโน้นซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผมไม่อยากไปขัดแย้งกับใคร ผมเข้ามาก็ต้องการที่จะหยุดความขัดแย้งทั้งหมด เดินหน้าประเทศและวางอนาคตของประเทศให้ได้ แต่สื่อฯ ก็พยายามที่จะเอาเรื่องอื่นมากระทบกับผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประมง ที่ดิน อย่าลืมว่าทั้งหมดบิดเบือนมาทั้งหมดแล้ว แล้ววันข้างหน้าเราจะอยู่แบบนี้กันหรืออย่างไร ถ้าอยากจะอยู่กันแบบนี้ก็ไปเลือกตั้งกันเลยแล้วก็เอาไป แล้วทำให้ได้ก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ที่มา : www.posttoday.com