ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

วันนี้ (7 กรกฎาคม 2558) เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ประจำปี 2558 ภายใต้แนวคิด “ความมั่นคงด้านวัคซีน ความจริงหรือความฝัน” จัดโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2558 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กทม. เพื่อแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าทางวิชาการและนโยบายทิศทางด้านการวิจัยพัฒนา การผลิตการควบคุมคุณภาพ และการใช้วัคซีนจากภาครัฐและเอกชน

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง คณะกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และผู้เข้าร่วมประชุมเฝ้ารับเสด็จฯ

ศ.นพ.รัชตะ กราบบังคมทูลรายงานว่า การจัดประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่กระทรวงสาธารณสุข ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านสาธารณสุขและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนไทย โดยเฉพาะผู้อยู่ในถิ่นทุรกันดารและผู้ด้อยโอกาสให้ได้รับวัคซีนอย่างครอบคลุม

ในปี 2558 กระทรวงสาธารณสุขได้จัดโครงการฉีดวัคซีนเฉลิมพระเกียรติฯ 2 โครงการ ได้แก่ วัคซีนโรคคอตีบและบาดทะยักฟรี แก่ประชาชนอายุ 20-50 ปีทั่วประเทศประมาณ 28 ล้านคน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมเสร็จสิ้นโครงการในเดือนเมษายน 2558 และฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี เพื่อเสริมระดับภูมิต้านทานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมันฟรี เข็มที่ 2 ให้เด็กที่เกิดระหว่าง 1 มิถุนายน 2551 ถึง 31 มกราคม 2555 ประมาณ 3 ล้านคนตั้งแต่พฤษภาคม - กันยายน 2558

ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชทานรางวัลผู้ชนะการประกวดเรียงความ เรื่องวัคซีนในฝัน และการประกวดแต่งเพลงประจำสถาบันวัคซีนแห่งชาติรวม 5 รางวัล จากนั้นทรงทอดพระเนตรนิทรรศการและฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับคณะผู้บริหารและผู้จัดการประชุม

ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ ได้กล่าวปาฐกถาเรื่องความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนของไทย ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้บริการวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชนตั้งแต่แรกเกิดฟรี 10 โรคได้แก่ วัณโรค ตับอักเสบชนิดบี โปลิโอ คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก หัดคางทูม หัดเยอรมัน และไข้สมองอักเสบเจอีทุกชนิดครอบคลุมกว่าร้อยละ 90 สิ่งสำคัญขณะนี้คือการสร้างความมั่นคงของวัคซีนของประเทศ ให้มีวัคซีนใช้เพียงพอในประเทศทั้งภาวะปกติและฉุกเฉิน ปัจจุบันผลิตได้เพียง 2 ชนิด คือ วัคซีนปีซีจีป้องกันวัณโรค โดยสถานเสาวภา สภากาชาดไทย และไข้สมองอักเสบเจอี โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และนำเข้าวัคซีนวัคซีนสำเร็จรูปและวัคซีนเข้มข้นหลายชนิดมาผสมสูตรหรือแบ่งบรรจุภายในประเทศ โดยการร่วมทุนของอภ.และเอกชนปีละกว่า 2,400 ล้านบาทจึงต้องเร่งสร้างขีดความสามารถการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ทั้งวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนใหม่ที่จำเป็น เช่น ไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ โดยผู้เกี่ยวข้องในวงการวัคซีนเห็นว่า ไทยมีศักยภาพพอที่จะผลิตวัคซีนใช้ในประเทศและจำหน่ายต่างประเทศ สร้างเศรษฐกิจประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้