ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นสพ.กรุงเทพธุรกิจ : รัฐบาลเตรียมจ่ายเบี้ยอุดหนุนเด็กไทย ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ รายละ 400 บาทเป็นเวลา 1 ปี คุณสมบัติของครอบครัวที่จะได้รับเงินอุดหนุนคือ มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีภาวะพึ่งพิง ได้แก่ ในครอบครัวมีคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในปกครอง เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว แนะคุณแม่ตั้งครรภ์ รีบฝากท้องเพื่อร่วมโครงการพร้อมรับสิทธิทันทีหลังเด็กเข้ารับการตรวจสุขภาพและรับวัคซีนตามกำหนด ตั้งเป้ายกระดับสุขภาพเด็กไทยในอนาคต

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (19 ก.ค.) ถึงความคืบหน้าโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ที่ดำเนินการโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่า อยากเชิญชวนให้คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทราบว่า ตนเองจะคลอดบุตรในช่วง ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค.2558 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2559 ให้ฝากครรภ์เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลตนเอง และเตรียมพร้อมการดูแลบุตรที่จะคลอดด้วย

หลังจากนั้นเมื่อคลอดบุตรแล้ว ขอให้คุณแม่นำบุตรไปรับการตรวจสุขภาพ และรับวัคซีนตามกำหนดที่คุณหมอนัดหมายทุกครั้ง เพื่อประกอบการรับเงินอุดหนุนทุกเดือนจนบุตรอายุครบ 1 ขวบ

"โครงการอุดหนุนเด็กแรกเกิด 400 บาท ต่อคน ต่อเดือนถือเป็นมาตรการในการจูงใจ และกระตุ้นให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลให้เด็กได้รับบริการสาธารณสุขและบริการด้านการพัฒนาการตามช่วงวัยต่างๆ ตามมาตรฐานที่ควรเป็น หมายความว่ารัฐจะมอบเงินอุดหนุนเมื่อมีหลักฐานว่า น้องๆ ได้รับบริการทางด้านสุขภาพตามช่วงวัยอย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถดูได้จากสมุดบันทึกแม่และเด็ก หรือสมุดสีชมพู เพราะหากไม่ใช้เงื่อนไขนี้ จะไม่สามารถรับรองถึงผลที่จะตกกับตัวเด็กได้เลย และอาจจะเป็นการใช้งบประมาณที่อาจไม่ก่อให้เกิดผลสร้างเสริมใดกับเด็ก" รองโฆษกสำนักนายกฯ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่คุณแม่นำน้องมารับการตรวจสุขภาพยังมีส่วนช่วยให้มีข้อมูลเพื่อใช้ในการติดตามประเมินผลประสิทธิภาพและประสินธิผลของโครงการฯด้วย มีผลช่วยพัฒนาสุขภาพเด็กไทย เพื่อนำไปสู่การวางแผนโครงการในอนาคตว่าควรดำเนินการต่อหรือไม่ หรือควรปรับเปลี่ยนปรับปรุงในจุดใดบ้าง

ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) บ้านพักเด็กและครอบครัว องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ รวมถึงสำนักงานเขต ดำเนินการประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ และให้ดำเนินการเตรียมการเรื่องการดูแลและติดตามจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่าคาดจะมีเด็กแรกเกิดประมาณ 135,768 คน ในโครงการ และหลังจากจบโครงการจะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอีกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป

โดยในเบื้องต้นคุณสมบัติของครอบครัวที่จะได้รับเงินอุดหนุนคือ มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีภาวะพึ่งพิง ได้แก่ ในครอบครัวมีคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในปกครอง เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นต้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 20 กรกฎาคม 2558