ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.รัชตะ เผย สธ.วางแผนพัฒนา รพ.และสถานีอนามัยตามแนวชายแดนให้เมียนมาร์ 5 แห่ง ในระยะเวลา 2 ปี ด้าน รมว.สธ.เมียนมาร์ชื่นชมระบบบริการสุขภาพของไทยและขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลประชาชนเมียนมาร์ที่เจ็บป่วยเป็นอย่างดี หลังศึกษาดูงานระบบบริการที่ รพ.แม่จันและ รพ.สต.บ้านพระราชทาน จ.เชียงราย

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ที่ จ.เชียงราย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย พร้อมด้วย นพ.ธาน อุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาร์ (H.E. Dr.Than Aung) และคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลแม่จัน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระราชทาน ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อดูการบริหารจัดการระบบสาธารณสุขที่มีความเชื่อมโยงในระดับชุมชนและจังหวัด

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้วางแผนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาร์ ที่จะพัฒนาโรงพยาบาลและสถานีอนามัยตามแนวชายแดนในประเทศเมียนมาร์ 5 แห่ง ภายใน 2 ปี โดยจะเลือกพื้นที่ที่ห่างไกลประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขยากลำบาก ส่วนที่ทางการเมียนมาร์ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนงานการจัดตั้งโรงพยาบาลในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นั้นอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของไทยและเมียนมาร์ นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรสาขาต่างๆ เช่น พยาบาลชุมชน นักระบาดวิทยา การวิจัยและพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ การเฝ้าระวังป้องกันโรคติดต่อข้ามแดน และการจัดบริการตามแนวชายแดน

ในการประชุมความร่วมมือครั้งนี้ ไทยจัดพื้นที่ดูงานศึกษาการบริหารจัดการระบบสาธารณสุขแบบเครือข่ายไร้รอยต่อที่โรงพยาบาลแม่จัน ซึ่งเป็นแม่ข่ายให้โรงพยาบาลอำเภอแม่ฟ้าหลวง ดอยหลวง เชียงแสน และเวียงเชียงรุ้ง บริหารแบบเครือข่ายเชื่อมโยง กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่  47 แห่ง ใช้คน เงิน ของร่วมกัน เชื่อมโยงบริการไร้รอยต่อ ผู้มารับบริการไม่ต้องกังวลเรื่องส่งต่อต่อปีมีชาวต่างชาติอาทิ เวียดนาม เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชาเข้ารับการรักษากว่า 4,000 ราย กว่าร้อยละ 90 เป็นชาวเมียนมาร์ ส่วนใหญ่เพื่อฝากครรภ์ และคลอดปีละ 200 ราย รองลงมาคือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เบาหวาน ส่วนใหญ่ซื้อบัตรประกันสุขภาพ

ส่วนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระราชทาน ต.ป่าซาง มีจุดเด่นที่ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพประชาชน และออกเยี่ยมบ้านร่วมกับทีมหมอครอบครัว ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องและครอบคลุม ทั้งสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ขณะนี้ดูแลผู้ป่วยประมาณ 4,000 คน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ จิตเวช โรคเรื้อรัง เป็นต้น 

ทั้งนี้ ได้รับความสนใจและชื่นชมจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาร์เป็นอย่างมาก ที่ไทยสามารถจัดระบบบริการได้ครอบคลุม พร้อมขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลประชาชนชาวเมียนมาร์ที่เจ็บป่วยเป็นอย่างดี และจะนำรูปแบบของไทยไปปรับใช้ในการพัฒนาระบบบริการของเมียนมาร์ต่อไป