ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“นายกฯ” หนุน นักวิจัยไทย สร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ ผลักดันภาคเอกชนต่อยอดนำผลงานสู่ตลาด แข่งขันทั้งในและต่างประเทศ มุ่งลดการนำเข้า รองรับสังคมสูงอายุ พร้อมฝาก 4 คำเด็ด ไทยวิจัย ไทยผลิต ไทยใช้ ไทยยั่งยืน ช่วยประเทศไทยเข้มแข็ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดงานตลาดนัดนวัตกรรมการแพทย์ไทย “ผลิตภัณฑ์จากแนวคิด สิ่งประดิษฐ์ด้านการแพทย์” ว่า การรับมือโรคภัยไข้เจ็บต้องอาศัยความรู้ทางการแพทย์และเทคโนโลยี ยา เวชภัณฑ์ รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนใหญ่ประเทศไทยจะนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากจะให้เกิดความมั่นคงจะต้องให้ความสำคัญต่อการค้นคว้าวิจัยและผลิต โดยเฉพาะการสนับสนุนในเชิงอุตสาหกรรม ที่เป็นส่วนสำคัญในการลดรายจ่ายและช่วยให้คนไทยเข้าถึงกระบวนการสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ดังนั้นที่ผ่านมารัฐบาลจึงให้ความสนใจและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ มาโดยตลอดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารประเทศ โดยต้องพัฒนาอย่างเป็นระบบ สามารถต่อยอดจนเป็นผลิตผลทางการแพทย์เพื่อแข่งขันกับต่างประเทศในระยะยาวได้ ไม่ใช่วิจัยแล้วขึ้นหิ้ง ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมารัฐบาลจึงให้งบการวิจัยเพิ่มมากขึ้น แม้จะไม่มากมายก็ตามเพราะด้วยงบประมาณประเทศที่จำกัด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องทบทวนย้อนหลังว่า แต่ละปีเราได้ใช้งบประมาณเพื่อซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่าไหร่ โดยเฉพาะในส่วนของการนำเข้า โดยปี 2553 พบว่า มีการนำเข้าสูงถึง 21,299 ล้านบาท แต่มีการส่งออกเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นหากเราสามารถผลิตและใช้เองในประเทศย่อมดีกว่า โดยเน้นการผลิตที่ตอบสนองความต้องการในประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนเมดิคัล ฮับ อยู่แล้ว และประเทศข้างเคียงก็แข่งขันในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลด้วย

นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนการใช้วัตถุดิบที่ผลิตเองในประเทศ อย่างเช่น ยางพาราที่ประเทศไทยยังต้องแข่งขันส่งออก ทำอย่างไรให้เกิดการแปรรูปการผลิตและใช้ในประเทศมากขึ้น ลดการนำเข้า ซึ่งปัจจุบันยางพาราที่ผลิตขึ้น มีการใช้ในประเทศเพียงแค่ร้อยละ 10-15 ซึ่งในการคิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์คงต้องช่วยกัน

“อย่าดูถูกสมองคนไทย คนไทยทำเป็นทุกอย่าง หลายประเทศในโลกคิดแล้วทำ ผลิตขาย เราถนัดซื้อ แต่วันนี้เราต้องหันมาถนัดคิด พัฒนา และใช้ของในประเทศ ต้องพัฒนาในระดับอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลและภาคเอกชนต้องมาพูดคุยกัน อะไรที่รัฐต้องการให้เอกชนผลิต และอะไรที่เอกชนต้องการให้รัฐสนับสนุนเพื่อให้มีการต่อยอด ซึ่งต้องร่วมกันพัฒนา อย่างเช่น การใช้มาตรการทางภาษีชั่วคราวเพื่อให้เกิดการผลักดัน เป็นต้น” นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ที่ผ่านมาเรามีผลงานวิจัยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ผ่านการทดสอบทางคลินิกและได้รับการตีพิมพ์แล้ว แต่ในแง่การผลิตสู่สาธารณะ โดยเฉพาะการส่งออกไปต่างประเทศ ผู้ประกอบการเองยังขาดความรู้ในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล อย่างการใช้วัสดุที่ดี ดังนั้นจึงต้องช่วยกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ โดยนักวิจัยไทยจึงเป็นสิ่งที่ช่วยประเทศได้มากและรัฐบาลยินดีให้การสนับสนุน และวันนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกันเพื่อผลักดันให้เกิดการส่งออกด้วยเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้ ซึ่งต้องช่วยกันให้กำลังใจกับนักวิจัยไทย และขอฝากไว้ 4 คำ คือ ไทยวิจัย ไทยผลิต ไทยใช้ ไทยยั่งยืน หากทำได้จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง