ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“วิสาหกิจสุขภาพชุมชน บ้านกึ่งวิถี SHE” รุกขยาย “นวดดัดจัดสรีระ” บำบัดอาการ “ออฟฟิตซินโดรม” จับมือ องค์กร หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ ทำ CSR-in-Process ให้เจ้าหน้าที่/พนักงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลงาน แถมสร้างอาชีพผู้ต้องขังหญิงคืนสู่สังคม หลังร่วมมือ “กรมราชทัณฑ์” อบรมแล้วใน 4 เรือนจำ เตรียมขยายเพิ่มอีก 8 เรือนจำ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ชื่นชมเป็นกิจการเพื่อสังคม รัฐบาลพร้อมสนับสนุน หลังเยี่ยมชมผลงานในงาน “มหกรรมตลาดนัดนวัตกรรมการแพทย์ไทย” ที่ผ่านมา

ความก้าวหน้าเทคโนโลยีที่รุดเข้ามาพร้อมกับการแข่งขัน ส่งผลต่อการทำงานของคนในยุคปัจจุบัน ทำให้ต้องตกอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการจากพฤติกรรมจับจ้องบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง มีผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะไหล่ คอ และหลัง ที่ก่อให้เกิดภาวะปวดเมื่อย และอ่อนล้าในแต่ละวันติดต่อกัน จนเกิดภาวะโรคที่เรียกว่า “ออฟฟิศ ซินโดรม” (Office Syndrome) ที่ส่งผลต่อสุขภาพ ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลที่ส่งผลต่อบริษัท หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งยังมีแนวโน้มผู้ป่วยจากโรคนี้เพิ่มมากขึ้น

จากสถานการณ์นี้จึงนำมาสู่การคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม “การนวดดัดจัดสรีระ หรือ Thai Chiro Trigger” นำมาขยายผลจนจัดตั้งเป็น “วิสาหกิจสุขภาพชุมชน บ้านกึ่งวิถี SHE”  

นพ.พูลชัย จิตอนันตวิทยา ประธานฝ่ายการแพทย์วิสาหกิจสุขภาพชุมชน คลินิกทางด่วนเพื่อชุมชน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมการนวดดัดจัดสรีระ ว่า ในฐานะที่เป็นหมอโรคหัวใจ พบว่าระยะหลังมีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกับโรคหัวใจมากขึ้น มีลักษณะเหนื่อยง่าย ความดันสูง ชีพจรเต้นเร็ว บางคนถึงกับเจ็บหน้าอก และนอนไม่หลับ แต่เมื่อรับการตรวจวินิจฉัยกลับไม่ได้เป็นโรคหัวใจ แต่เป็นภาวะการป่วยจากโรคออฟฟิตซินโดรมแทน มักเกิดกับผู้ทำงานออฟฟิตที่ต้องนั่งทำงานเกร็งอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะหน้าคอมพิวเตอร์ จนกล้ามเนื้อตึงและไม่ยอมคลายตัว เช่นเดียวกับการใช้สมาร์ทโฟนที่ต้องมีการใช้กล้ามเนื้อมือ แขน ไหล่ คอ ในมุมเคลื่อนไหวแคบๆ ที่นำมาสู่อาการไหล่ติด กล้ามเนื้อหน้าอกตึง หายใจลำบาก และปวดหัว

ทั้งนี้ในการรักษาจึงได้ให้ยาคลายกล้ามเนื้อกับผู้ป่วย แม้อาการจะดีขึ้น แต่ผู้ป่วยยังรู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีแรง และง่วงนอนง่าย สมองช้าลง จึงได้ทำการศึกษาเพื่อหาวิธีบำบัดและพบว่า การนวดมีส่วนให้กล้ามเนื้อที่ตึงเกิดความผ่อนคลายได้ จึงได้ทำการค้นคว้าอย่างจริงจังเพื่อหาวิธีการนวดที่เหมาะสม โดยนำ Stretching + Yoga + Chiropractor + Trigger point และศาสตร์ของการนวดไทยมาผสมผสาน และพัฒนาการนวดในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 20 นาที โดยเป็นเทคนิคพิเศษที่ได้ผล เน้นการยืดกล้ามเนื้อหลักให้เกิดอาการตึง กดกระตุ้น trigger point ส่งความรู้สึกเจ็บไปที่สมอง สมองจะส่งคำสั่งชุดใหม่มาให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโล่งและสบายขึ้น และหากผู้ป่วยได้รับการบำบัดต่อเนื่องจะทำให้หายจากภาวะออฟฟิตซินโดรมนี้ได้ ถือเป็นศาสตร์การนวดบำบัดแบบใหม่ที่เหมาะกับชีวิตเมืองที่เร่งรีบ

เมื่อได้คิดค้นวิธีการนวดดัดจัดสรีระ ขึ้นแล้ว โจทย์ต่อไปคือทำอย่างไรให้ผู้ป่วยออฟฟิตซินโดรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเข้าถึงการบำบัดด้วยการนวดนี้ได้ จึงได้จัดตั้ง “วิสาหกิจสุขภาพชุมชน” เป็นกิจการเพื่อสังคม และหลังจากเริ่มดำเนินการมา 3 ปี ปรากฏว่าได้รับความสนใจทั้งจากตลาดหลักทรัพย์และ บริษัทมหาชนต่างๆ อย่างมาก เพราะเป็นวิธีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับพนักงานได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาที เพิ่มประสิทธิภาพที่หายไปโดยไม่ต้องเพิ่มพนักงาน พร้อมกันนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังสนับสนุนให้ขยายกิจการให้กว้างขวางครอบคลุม บมจ. ทั้ง 700 แห่ง ดังนั้นจึงได้มีการจับมือกับกรมราชทัณฑ์ ในการอบรมการนวดดัดจัดสรีระ ให้กับผู้ต้องขังหญิงอีก 8 เรือนจำหญิงขนาดใหญ่ ที่นอกจากเป็นการขยายบริการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงการบำบัดภาวะออฟฟิตซินโดรมแล้ว ยังเป็นการฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังหญิงที่พ้นโทษได้ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของชาติในการป้องปรามปัญหายาเสพติด ถือเป็นการแก้ไขปัญหาสังคมสองด้าน หรือ Double CSR คือช่วยองค์กรภายในและสังคมภายนอก ไปพร้อมกัน    

“ปัจจุบันเรามีผู้ต้องขังหญิงทั่วประเทศประมาณ 46,000 คน ส่วนหนึ่งเกิดจากก้าวพลาดไปในชีวิตทำให้ต้องตกเป็นผู้ต้องขัง หากให้ผู้ต้องขังหญิงเหล่านี้ส่วนหนึ่งได้รับการฝึกอาชีพที่สามารถเข้าไปช่วยเสริมองค์กรธุรกิจที่ต้องการความยั่งยืน อย่างการนวดดัดจัดสรีระไทยที่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรในองค์กร จะเป็นการเปิดโอกาสผู้ต้องขังหญิงเหล่านี้คืนสู่สังคมได้ ที่ผ่านมาได้อบรมให้กับผู้ต้องขังหญิงใน 4 เรือนจำแล้ว และเตรียมจะขยายอบรมเพิ่มในอีก 8 เรือนจำ ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องขังหญิงที่พ้นโทษและทำงานกับวิสาหกิจสุขภาพชุมชน ภายใต้ชื่อ บ้านกึ่งวิถี SHE  จำนวน 12 คนแล้ว” ประธานฝ่ายการแพทย์วิสาหกิจชุมชน กล่าวและว่า สาเหตุที่เลือกผู้ต้องขังหญิงเป็นผู้รับการอบรม เนื่องจากเป็นกลุ่มอยู่ในระเบียบวินัย ซึ่งผู้ให้บริการนวดจัดสรีระไทยจำเป็นต้องฝึกร่างกายอย่างหนักเพื่อให้มีกล้ามเนื้อแขน ขา และลำตัวที่แข็งแรงเพื่อที่ทำหน้าที่นวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อผู้รับการบำบัดยังมั่นใจ ผู้ให้บริการยังต้องผ่านการสอบวัดก่อน

นพ.พูลชัย กล่าวว่า หลังจากดำเนินโครงการวิสาหกิจสุขภาพชุมชน บ้านกึ่งวิถี SHE ในช่วงปีครึ่งมานี้ ได้รับการตอบรับจากองค์กรต่างๆ ทั้งจากบริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด, บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภานิติบัญญัตติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพราะนอกจากเป็นการทำซีเอสอาร์ที่เป็นการดูแลสุขภาพให้กับเจ้าหน้าที่และพนักงานในองค์กรแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือสังคมโดยให้โอกาสกับผู้ต้องขังหญิงเหล่านี้ โดยทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและรัฐสภายังได้เปิดพื้นที่ เพื่อให้เข้าไปตั้งบูธให้บริการต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นรูปแบบกิจการที่ได้รับการผลักดันและสนับสนุนจากองค์กรนานาชาติ เพราะเป็นการให้โอกาสผู้ต้องขังหญิงสู่สังคม     

ทั้งนี้การดำเนินงานของวิสาหกิจสุขภาพชุมชน บ้านกึ่งวิถี SHE เบื้องต้นได้เน้นไปที่การดึงองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ร่วมทำซีเอสอาร์ให้กับพนักงาน แต่ในอนาคตเชื่อว่าการบำบัดโรคออฟฟิตซินโดรมด้วยวิธีการนวดดัดจัดสรีระไทยสามารถเบิกจ่ายได้ภายใต้ระบบรักษาพยาบาล กองทุนประกันสังคมได้ เนื่องจาก พร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2558 ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์การฟื้นฟูสมรรถภาพในกลุ่มโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตได้ให้กับผู้ประกันตน จากเดิมที่จำกัดเพียงการฟื้นฟูเฉพาะโรคที่เกิดจากการทำงานเท่านั้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีกลุ่มแรงงานที่ได้รับประโยชน์จากากรบำบัดนี้เริ่มเคลื่อนไหวในเรื่องนี้แล้ว

นอกจากนี้การนวดดัดจัดสรีระไทยนี้ยับนับเป็นบริการที่ขยายไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตหากผู้ให้บริการมีเพิ่มมากขึ้น จะมีการขยายบริการไปยังกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและบริการ เนื่องจากมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคออฟฟิตซินโดรมจำนวนมากและเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเพราะเป็นการบำบัดที่ใช้เวลาไม่มาก

นพ.พูลชัย กล่าวต่อว่า สำหรับในงานมหกรรมตลาดนัดการแพทย์ไทยที่ผ่านมานั้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานพิธีเปิดด้วยตนเอง ยังได้เยี่ยมบูธวิสาหกิจสุขภาพชุมชน บ้านกึ่งวิธี SHE และชื่นชมการดำเนินกิจการลักษณะนี้ พร้อมระบุด้วยว่าเป็นรูปแบบที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และหลังพิธีเปิดยังได้ส่งเจ้าหน้าที่มาขอข้อมูลเพิ่มเติม ปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งการนวดดัดจัดสรีระไทยอาจเป็นทางเหลือหนึ่งในการบำบัดโรคได้ นอกจากไม่อันตรายแล้ว ยังเห็นผลได้ในเวลาที่รวดเร็ว ขณะเดียวกันยังเป็นกิจการที่คืนประโยชน์สู่สังคมด้วย