ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปีงบประมาณ 2559 สปสช.เขต 13 กทม.เร่งเพิ่มการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลให้ประชาชนสิทธิบัตรทองในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ประสาน รพ.ขนาดใหญ่ที่ดูแลประชากรมากกว่า 1 แสนรายให้จัดหาคลินิกเอกชนร่วมให้บริการช่วงเย็นเวลาราษฎร 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อคนเมือง พร้อมเพิ่มช่องทางการรับรู้สิทธิและกระบวนการกำกับติดตามคุณภาพการรักษาพยาบาลตามมาตรฐาน

ทพ.กวี วีระเศรษฐกุล

ทพ.กวี วีระเศรษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 13 กทม. กล่าวว่า  การเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลต่ำของประชากรที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น  เป็นปัญหาใหญ่ที่ สปสช.เขต 13 กทม.ต้องรีบบริหารจัดการ โดยมีการวางแผนเชิงรุก ภายในปีงบประมาณ 2559 จะเร่งแก้ทุกปัญหา ทั้งการไม่รู้สิทธิ โดยเน้นเพิ่มการประชาสัมพันธ์ทางเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์หรือ Social Media เช่น Facebook Line Website ฯลฯ ให้ประชาชนรู้จักและตรวจสอบสิทธิผ่านสายด่วน สปสช. 1330 หรือเว็บไซต์ http://bkk.nhso.go.th และกำลังมีการพัฒนาช่องทางการลงทะเบียนแบบออนไลน์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการ ตรวจสอบสิทธิด้วยตนเอง

ทพ.กวี กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความมั่นใจในการรับบริการรักษาพยาบาลนั้น จะเน้นการกำกับคุณภาพสถานพยาบาล ทั้งการตรวจประจำปี การตรวจแบบไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า การกำกับและพัฒนาคุณภาพหน่วยบริการ ทั้งระบบการรักษาพยาบาล การส่งต่อ ส่งกลับ โดย รพ.แม่ข่ายที่ทำหน้าที่บริการปฐมภูมิหรือ Primary Care Trust ร่วมกับคลินิกชุมชนอบอุ่นที่เป็นลูกข่าย การกำหนดตัวชี้วัดคุณภาพ (KPI) เพื่อให้คลินิกชุมชนอบอุ่นดำเนินงานคุณภาพตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กระบวนการพัฒนารับรองคุณภาพระดับสถานพยาบาลปฐมภูมิ ทั้งของศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม.และคลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น

ทพ.กวี กล่าวว่า นโยบายที่สำคัญอีกประการที่จะเร่งดำเนินการ คือการเพิ่มความสะดวกให้ประชาชนในการเข้ารับบริการ โดยเพิ่มสถานพยาบาลร่วมให้บริการในระดับปฐมภูมิ เพื่อแก้ปัญหาความไม่สะดวก แออัด รอนาน ระบบส่งต่อมีการพัฒนากลไกด้านการเงินให้มีความเหมาะสมมากขึ้น การประสานกับ รพ.ขนาดใหญ่ที่มีประชากรสิทธิบัตรทองมากกว่าแสนรายให้จัดหาสถานพยาบาลร่วมให้บริการระดับปฐมภูมิ โดยอาจเป็นคลินิกเอกชนที่อยู่ในพื้นที่รองรับประชากร 5,000 คนต่อ 1 แห่ง เปิดให้บริการ 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม เน้นเวลาราษฎรสะดวก ประชาชนเข้ารับบริการตามพื้นที่ที่อยู่อาศัย และเพิ่มหน่วยร่วมให้บริการด้านทันตกรรม อีกเกือบ 50 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่เกือบ 200 กว่าแห่ง ทั่วพื้นที่ กทม. ซึ่งจะเริ่มได้ภายในปี 2559 นี้ ระหว่างนี้กำลังประสานงาน จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นช่วยระยะเวลาใด

“คาดว่าจะสามารถเพิ่มการเข้าถึงบริการของคนเมืองหลวงได้มากขึ้นในปี 2559 อย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้ สปสช.เขต 13 กทม.จะรีบเร่งดำเนินการ เพื่อสร้างความมั่นใจในการไปใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยรอยยิ้มความประทับใจของคน กทม.” ผอ.สปสช.เขต 13 กทม.กล่าว