ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ปรับร่างระเบียบสำนักนายกฯ จัดตั้งเขตสุขภาพประชาชนเรียบร้อยแล้ว หลังส่งร่างแรกให้สำนักเลขาธิการ ครม.และมีความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่ง ครม.พิจารณาต่อไป แจงเป็นกลไกบูรณาการทรัพยากร งบ กระบวนการทำงาน ไม่มีตั้งองค์กรใหม่ มี สธ. สปสช. สสส. และ สช.ร่วมกันทำหน้าที่หน่วยเลขานุการกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน และการจัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐว่าด้วยการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน พ.ศ.... เพื่อเดินหน้าจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชนให้เป็นรูปธรรม

พลเรือเอกณรงค์ กล่าวว่า สุขภาพไม่ใช่เรื่องความเจ็บป่วย หรือเรื่องของแพทย์พยาบาลเท่านั้น แต่หมายรวมถึงกาย จิต สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงมีหลากหลายหน่วยงาน หลายภาคส่วนเกี่ยวข้อง จำเป็นต้องให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นหลักการของการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน

นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ  กล่าวว่า เขตสุขภาพเพื่อประชาชนเป็นการอภิบาลแนวราบโดยเครือข่าย ไม่มีการจัดตั้งองค์กรใหม่ แต่เป็นกลไกบูรณาการทรัพยากร งบประมาณ และกระบวนการทำงานระหว่างหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนระบบสุขภาพในระดับพื้นที่ โดยมีองค์กรหลักด้านสุขภาพอย่างน้อย 4 องค์กร ร่วมกันทำหน้าที่หน่วยเลขานุการกิจ เพื่อเป็นแกนกลางในการประสานงาน ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)

นพ.ณรงศักดิ์ อังคะสุวพลา กรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานพัฒนารูปแบบเขตสุขภาพเพื่อประชาชน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา การทำงานฯ ได้มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง ทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และภาคประชาสังคม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7 อีกทั้งได้ประชุมหารือกับ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกฎหมายพิเศษรองรับ โดยกำหนดให้เป็นเขตสุขภาพเพื่อประชาชนเขต 13

ทั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้รวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะทั้งหมด มาปรับปรุงเป็นเอกสารรูปแบบการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน และจัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งสำนักเลขาธิการ ครม. ได้เวียนขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าหน่วยงานส่วนใหญ่เห็นชอบในหลักการ และบางหน่วยงานมีข้อสังเกตเพิ่มเติม โดยขณะนี้ คณะทำงานฯ ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่มีข้อสังเกตมาประชุมร่วมกันแล้ว และได้ร่วมกันปรับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จพร้อมส่งไป ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป