ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ภาคีเครือข่ายหมออนามัย ประกาศปฏิญญาหนุนกฎหมายบุหรี่ฉบับใหม่ ร่วมป้องกันเด็กและเยาวชนจากพิษภัยบุหรี่ วอนรัฐบาล-สนช.เร่งพิจารณา พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่โดยเร็ว ย้ำต้องเท่าทันข้อมูล ข้ออ้างที่บิดเบือนและไม่ยอมให้บริษัทบุหรี่แทรกแซง  เผยขณะนี้มีเสียงสนับสนุนแล้วกว่า 13 ล้านรายชื่อ คาดได้ 15 ล้านเสียงตามเป้าในเวลาอันใกล้นี้

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.58 ในการประชุมวิชาการ การพัฒนายุทธศาสตร์ระบบสุขภาพระดับปฐมภูมิ “พ.ร.บ.วิชาชีพก้าวไกล นักสาธารณสุขไทยก้าวหน้า ปวงประชาสุขภาพดี หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่  เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย” ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 16 – 18 กันยายน 2558 ณ  ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ภาคีเครือข่ายหมออนามัยได้แถลงข่าว “ปฏิญญาภาคีหมออนามัย ร่วมใจสร้างสุขภาวะ หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย” เพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ร่วมป้องกันเด็กและเยาวชนจากไกลบุหรี่และลดอัตราการบริโภคยาสูบของประชาชน ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 6 องค์กร คือ ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย สมาคมหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข สมาคมชมรมสาธารณสุข และ เครือข่ายหมออนามัยในมหาวิทยาลัย โดยมีนายปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลงข่าวพร้อมนำกล่าวปฏิญญาเพื่อแสดงพลังสนับสนุนร่วมกันกว่า 10,000 คนจากทั่วประเทศ    

นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์บุหรี่เป็นสินค้าที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรถึงปีละมากกว่า 50,000 คน  พบว่า ชายไทยยังสูบบุหรี่สูงถึงร้อยละ 40 จำนวนผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยมีจำนวนถึง 11.4 ล้านคน แต่ละปีมีเยาวชนเสพติดบุหรี่ใหม่ 200,000 คน ซึ่ง140,000 คน จะเสพติดบุหรี่ไปตลอดชีวิต ในขณะเดียวกันบริษัทบุหรี่ได้มีวิวัฒนาการด้านการตลาดรวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ที่เป็นเด็กและเยาวชน และได้พยายามแทรกแซงกระบวนการ ออกกฎหมายของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง   

นายปรเมษฐ์ กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของประกาศปฏิญญาร่วมกันในครั้งนี้ คือ 1.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เร่งรัดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ โดยรู้เท่าทันข้อมูล ข้ออ้าง ที่บิดเบือนของบริษัทบุหรี่และไม่ยินยอมให้บริษัทบุหรี่แทรกแซง ในขั้นตอนต่าง ๆ ของการออกกฎหมายให้ล่าช้า หรือแปรญัตติในขั้นกรรมาธิการเพื่อให้กฎหมายอ่อนลง 2.จะร่วมกันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น อันจะส่งผลต่อให้การควบคุมการบริโภคยาสูบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3.จะร่วมกันสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินการควบคุมการบริโภคยาสูบ ในทุกระดับ ในทุกชุมชนและทุกองค์กร  4.จะร่วมมือกันส่งเสริมให้การไม่สูบบุหรี่ เป็นค่านิยมและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมไทย เพื่อสุขภาวะของประชาชนไทย ทุกเพศ ทุกวัย อย่างทั่วถึงและเสมอหน้ากัน

นายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าวว่า มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยและภาคีเครือข่าย 738 องค์กร รวมทั้ง อสม.ทั่วประเทศ ได้รวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา และเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา เพื่อประกาศเป็นกฎหมายต่อไป หากมีผลบังคับใช้จะทำให้การดำเนินงานการควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดจำนวนคนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่เกิดจากการสูบบุหรี่

นายธาดา กล่าวว่า ในระหว่างที่รอกระบวนการพิจารณาคาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ทุกคนยังร่วมลงชื่อสนับสนุนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา ภาคีเครือข่ายหมออนามัยทั่วประเทศได้ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุนร่างฯมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2558 จนถึงขณะนี้มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแล้ว 12,551,775 รายชื่อ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย.58) โดยตั้งเป้าหมายไว้อย่างน้อย 15 ล้านรายชื่อ และจะมีการจัดกิจกรรมรวมพลังแสดงตัวตนของคนที่ลงชื่อสนับสนุน เพื่อให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของคนไทยที่ต้องการปกป้องสังคมไทยให้ปลอดภัยจากบุหรี่ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้  

ทั้งนี้ ยังคงขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมี พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่  ได้ที่ เครือข่ายนักขับเคลื่อนการควบคุมยาสูบระดับจังหวัด (นสค.) ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และ ที่ www.vote4tobaccolaw.com  เพื่อให้ได้ 15 ล้านรายชื่อต่อไป