ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘หมอปิยะสกล’ ตรวจเยี่ยมเขตสุขภาพที่ 4 ที่จังหวัดสระบุรี เน้นย้ำให้ดำเนินการ 4 เรื่องได้แก่การประสานความร่วมมือโรงพยาบาลรัฐนอกสังกัด รักษาผู้ป่วยโรคเฉพาะทางเร็วขึ้น โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ลดอัตราตายอุบัติเหตุจราจร ดูแลผู้สูงอายุชะลอติดบ้านติดเตียง และการใช้งบท้องถิ่นร่วมดูแลสุขภาพประชาชน  

วันนี้ (18 กันยายน 2558) ที่โรงพยาบาลสระบุรี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมเขตสุขภาพที่ 4 ซึ่งมี 8 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครนายก ลพบุรี และสระบุรี ประชุมร่วมกับคณะกรรมการเขตสุขภาพที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ผู้บริหารโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหม โรงพยาบาลเอกชน ศูนย์วิชาการ วิทยาลัยพยาบาล หัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่ายสุขภาพจังหวัดสระบุรี เพื่อติดตามการดำเนินงานและรับฟังปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชนในเขตสุขภาพ ซึ่งมี 5 ล้าน 1 แสนกว่าคน

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ในภาพรวมของการจัดบริการในเขตสุขภาพที่ 4 พบว่าดำเนินการได้ดี บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐเอกชน มีเป้าหมายการทำงานชัดเจน ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัด และความเข้มแข็งของภาคเอกชนและประชาชน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในอนาคตอันใกล้จะมีการพัฒนาด้านคมนาคมที่พื้นที่สระบุรี และเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จึงต้องวางแผนในการป้องกันผลกระทบสุขภาพ บูรณาการทำงานข้ามกระทรวงและทุกภาคส่วน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการดูแลสุขภาพประชาชน

ได้มอบนโยบายให้พื้นที่เน้นหนักการทำงาน 4 เรื่อง ได้แก่ 

1.การลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ซึ่งประเทศไทยมีการเสียชีวิตจากสาเหตุนี้สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ประมาณ 23,000 คนต่อปี สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการบาดเจ็บ พิการ หลายแสนล้านบาทต่อปี โดยให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เน้นการทำงานเชิงรุกเพื่อการป้องกันให้มากขึ้น ซึ่งการรักษาด้านการแพทย์ทำได้ดีอยู่แล้ว โดยให้จังหวัดตั้งศูนย์รวบรวมข้อมูลรายวันต่อเนื่องไม่เฉพาะเทศกาล จะทำให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  

2.การบูรณาการรักษาพยาบาลและการส่งต่อผู้ป่วยโรคยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉาะโรคหัวใจ ซึ่งในเขตสุขภาพนี้มีอัตราตายสูงที่สุดในประเทศ แสนละ 42 คน และโรคมะเร็ง ให้ได้รับการรักษาเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมา คิวรอผ่าตัดหัวใจไม่เกิน 1 ปี คิวรอฉายแสงไม่เกิน 6 สัปดาห์ และขอให้ประสานความร่วมมือโรงพยาบาลรัฐนอกสังกัด รักษาผู้ป่วยโรคเฉพาะทางเร็วขึ้น

3.การดูแลผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ซึ่งมีหลายแห่งที่เป็นต้นแบบระดับชาติ เช่น ที่ลำสนธิ จ.ลพบุรี อยากให้ขยายผลให้ทั่วประเทศ และเพิ่มการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดีควบคู่ไปด้วย เพื่อชะลอเวลาติดบ้านติดเตียงให้ได้มากที่สุด

และ 4.การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการงบประมาณของท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถนำมาใช้ดูแลสุขภาพประชาชนได้ จะเร่งหารือกับ สตง.เพื่อคลี่คลาย และสามารถนำมาใช้ร่วมกับงบของกระทรวงสาธารณสุข จะช่วยให้งานเกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น 

ด้าน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 4 เป็นพื้นที่ปริมณฑล ซึ่งมีประชากรหนาแน่นกว่าพื้นที่ทั่วไป ส่วนใหญ่ทำงานในภาคบริการ อุตสาหกรรม จะต้องพัฒนารูปแบบบริการให้เหมาะสมครอบคลุมตั้งแต่ระดับขึ้นพื้นฐานจนถึงระดับเชี่ยวชาญและให้เพิ่มเรื่องการดูแลโรคจากการประกอบอาชีพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม เช่นที่สระบุรีมีฝุ่นจากโรงโม่หิน โรงงานปูนซีเมนต์ จะต้องวางแผนร่วมกันแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง