ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข เข้มมาตรการเฝ้าระวังโรคเมอร์ส ผู้กลับจากแสวงบุญฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทยอยเดินทางกลับ ดำเนินการตามมาตรฐานทั้งที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ในโรงพยาบาลและติดตามต่อเนื่องในชุมชนอีก 30 วัน โดยมิสเตอร์ฮัจญ์ ผลการเฝ้าระวังขณะนี้ยังไม่พบรายใดติดเชื้อเมอร์ส     

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส ว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงเข้มมาตรการเฝ้าระวังผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยโรคเมอร์สทุกวัน ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคเมอร์สใน 3 ส่วน คือ ที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ในโรงพยาบาล และในชุมชน โดยเพิ่มความเข้มข้นในผู้กลับจากแสวงบุญฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งในปีนี้มีจำนวน 10,400 คน ทยอยเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2558  และจะสิ้นสุดเที่ยวสุดท้ายในวันที่ 26 ตุลาคม 2558 

โดยที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ได้จัดพื้นที่ตรวจคัดกรองผู้เดินทางที่ช่องทางเข้าออกประเทศ จัดเตรียมความพร้อมทั้งเอกสารความรู้ ขอความร่วมมือสายการบินประกาศแจ้งผู้โดยสารบนเครื่องบิน กรอกแบบสอบถามด้านสุขภาพ และตรวจวัดไข้ทุกราย กรณีพบสงสัยป่วย จะนำส่งโรงพยาบาลที่กำหนดไว้ดูแลเป็นการเฉพาะ ในโรงพยาบาลได้เตรียมพร้อมความรู้ ทักษะในการดูแลผู้ป่วย ห้องแยกโรค ห้องตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่วนมาตรการในชุมชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคใน 53 จังหวัดที่มีผู้กลับจากแสวงบุญ จะมีมิสเตอร์ฮัจญ์ (Mr.HAJJ) ติดตามดูแลแนะนำการดูแลสุขภาพและตรวจสุขภาพให้ผู้แสวงบุญภายใน 30 วันหลังเดินทางกลับ

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2558  ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2558 จากด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศในสนามบิน 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต นราธิวาส และหาดใหญ่ มีผู้เดินทางกลับจากแสวงบุญ รวม 5,867 คน มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังโรคเมอร์ส รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล 85 คน ส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังไม่พบรายใดติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลภายหลังกลับไปที่บ้าน ได้ให้มิสเตอร์ฮัจญ์และอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ ติดตามเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 30 วัน  

สำหรับ กรณีที่มีข่าวว่าพบผู้ป่วยสงสัยโรคเมอร์สรับไว้รักษาในโรงพยาบาลนั้น  ขอชี้แจงว่าเป็นมาตรการปกติในการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายการเฝ้าระวังโรคเมอร์ส  ซึ่งโรงพยาบาลในพื้นที่ได้ดำเนินการตรวจคัดกรอง ซักประวัติ ตรวจร่างกายผู้ป่วย ตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่าไทยพบผู้ป่วยโรคนี้เพียง 1 คน เมื่อ 18 มิถุนายน 2558 เป็นชาวตะวันออกกลาง ขณะนี้หายป่วยและเดินทางกลับประเทศแล้ว  

ทั้งนี้ ในการป้องกันโรคเมอร์ส ขอให้ประชาชนกินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่เสมอ ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลางภายใน 14 วัน หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ หรือหายใจลำบาก ให้ใส่หน้ากากอนามัยและไปโรงพยาบาล และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค http://beid.ddc.moph.go.th/beid_2014/th/diseases/271