ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นสพ.กรุงเทพธุรกิจ : "ไพบูลย์" นัดประชุมศูนย์ต้านทุจริตฯ สรุปข้อมูล สสส.ใช้งบผิดวัตถุประสงค์วันนี้ ก่อนให้ตัวแทนฯเข้าชี้แจง เพื่อสรุปผลส่งนายกฯ ยืนยันจะได้ข้อยุติโดยเร็ว ขณะที่ผู้ว่าฯ สตง.ระบุการตรวจสอบต้องดูที่กฎหมายและวัตถุประสงค์เป็นหลัก พร้อมรับสอบกรณีให้เงินอุดหนุนสถาบันอิศรา ชี้ "คนอนุมัติ" ต้องรับผิดชอบ แม้จะลาออกไปแล้ว ส่อบอร์ดต้องร่วม รับผิดชอบยกคณะ

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า ในวันนี้(19 ต.ค.)  ช่วงบ่าย จะมีการเรียกประชุม ศอตช. โดยเชิญตัวแทนหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาร่วมหารือกัน โดยในการประชุมจะให้มีการชี้แจงข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน ที่ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรบ้าง พบการกระทำทำผิดตรงไหนหรือไม่อย่างไร ซึ่งได้ให้แนวทางไปก่อนหน้านี้แล้วว่าหากพบอะไรให้เอามาคุยกัน

หลังจากนั้นเมื่อรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วนแล้วก็จะให้ตัวแทนของ สสส. เข้ามาชี้แจง และจะรีบดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เมื่อได้ข้อยุติอย่างไรก็จะส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (19 ต.ค.)  ตนในฐานะอดีตข้าราชการ สำนักงาน สตง. จะไปยื่นเรื่องให้ สตง.ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ สสส.กรณีให้เงินสนับสนุนแก่สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทยด้วย

ด้านนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร เตรียมเข้ายื่นหนังสือถึง สตง. ให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของ สสส. กรณีสนับสนุนงบให้สถาบันอิศรา ที่ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้เงินของ สสส.ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียน แต่จากการตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สสส.ที่ผ่านมา จะดูที่กฎหมายและวัตถุประสงค์เป็นหลัก เช่นเดียวกับที่คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจพบว่ามีการตีความวัตถุประสงค์ทางด้านสุขภาพกว้างไกลมาก ไม่มีขอบเขต บางอย่างก็ยากที่จะบอกว่าเกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างไร และพบว่าหลายโครงการใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น สนับสนุนการจัดงานครบรอบวันสำคัญของบุคคลต่าง ๆ ซึ่งเป็นโครงการทางด้านรัฐศาสตร์ ไม่เกี่ยวกับสุขภาพและงานสาธารณสุขเลย ซึ่งไม่น่าจะตรงกับวัตถุประสงค์ของ สสส.

โดยเรื่องนี้ได้นำเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมทั้ง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุขแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการหาข้อสรุป

"ส่วนกรณีการให้งบสนับสนุนโครงการของสถาบันอิศรานั้น ก็ต้องตรวจสอบต่อไป โดยดูตามวัตถุประสงค์เป็นหลักเช่นเดิม ดูข้อเท็จจริงว่า โครงการต่างๆ ที่สถาบันอิศราทำนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพโดยตรงอย่างไร หรืออย่างน้อยพอจะบอกได้หรือไม่ว่า มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยอ้อมอย่างไร แต่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเสนอในหลักการ" นายพิศิษฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบว่ามีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเรียกเงินคืนตามที่มีการร้องเรียน นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า โดยหลักการการใช้เงินต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้าไม่ถูกต้องในหลักการ ก็ต้องมีการรับผิดชอบ ที่จ่ายไปแล้วอาจจะเรียกคืนไม่ได้ แต่คนจ่ายต้องรับผิดชอบ เพราะคนจ่ายมีหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย ต้องดูโครงการต่างๆ ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วไม่อยู่ในขอบข่ายวัตถุประสงค์ที่จะอนุญาตได้ แต่กลับอนุมัติในขณะที่ผู้ขอรับทุนนั้นไม่รู้เรื่อง เมื่อขอมาแล้ว สสส.ให้ก็เลยใช้

ดังนั้นคนจ่ายเงินต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะจ้างมาเป็นผู้จัดการ สสส.ทำไม และถึงแม้ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ จะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ก็เป็นเพียงการลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น แต่จำเป็นต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ต้องดูว่าจะผิดอาญา หรือแพ่ง และต้องดูว่ากรณีดังกล่าวดำเนินการคนเดียว หรือดำเนินการในระบบองค์กรกลุ่ม ถ้าเป็นมติบอร์ดก็ต้องรับผิดชอบทั้งคณะ

"เรื่องนี้ไม่ช้า เพราะ คตร.กำลังสรุป และทาง ศอตช.ที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน จะเรียกประชุมคู่ขนาน เรื่องการจัดการการใช้จ่ายเงินให้ถูกต้องนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแนวนโยบายของรัฐบาล ศอตช.จะดูอย่างรอบคอบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ไปให้ข้อมูล  ซึ่งรวมถึง คตร.และ สตง.ด้วย ที่ต้องไปประชุมร่วมกัน" นายพิศิษฐ์ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 19 ตุลาคม 2558