ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การเบิกจ่ายค่ายาแผนไทยสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ให้เบิกได้เฉพาะค่ายาที่ใช้ในการบำบัดรักษาโรค ส่วนยาแผนไทยที่ใช้เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทเครื่องสำอาง หรือมีลักษณะเป็นอาหาร ห้ามเบิกจ่ายจากทางราชการ โดยการเบิกค่ายาแผนไทยที่ใช้บำบัดโรคโดยตรงต้องเป็นไปตามการสั่งใช้ยาของแพทย์แผนปัจจุบันที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือผู้ประกอบการวิชาชีพการแพทย์แผนไทย (ประเภทเวชกรรมแผนไทย) หรือ ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์

ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ให้มีการใช้ยาสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเองของอุตสาหกรรมการผลิตยาในประเทศ และสนับสนุนให้การใช้ยาสมุนไพรไทยเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาพยาบาลในระบบสาธารณสุขของประเทศตามนโยบายแห่งชาติด้านยา และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 ดังนั้นเพื่อให้นโยบายตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเบิกจ่ายค่ายานวด กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานการกำกับดูแลนโยบายและมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ของบุคลากรภาครัฐ จึงได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยวิธีการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น

การเบิกจ่ายค่ายาแผนไทย ให้เบิกได้เฉพาะค่ายาที่ใช้ในการบำบัดรักษาโรค ส่วนยาแผนไทยที่ใช้เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทเครื่องสำอาง หรือมีลักษณะเป็นอาหาร ห้ามเบิกจ่ายจากทางราชการ โดยการเบิกค่ายาแผนไทยที่ใช้บำบัดโรคโดยตรงต้องเป็นไปตามการสั่งใช้ยาของแพทย์แผนปัจจุบันที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือผู้ประกอบการวิชาชีพการแพทย์แผนไทย (ประเภทเวชกรรมแผนไทย) หรือ ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ดังต่อไปนี้

1. ยาแผนไทยประเภทที่ 1 รายการยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการใช้ยาที่กำหนดในบัญชียาหลักแห่งชาติ เช่น ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน เป็นต้น

2. ยาแผนไทยประเภทที่ 2  รายการที่เป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ) เช่น ยาเขียว ยาหอม เป็นต้น

3. ยาแผนไทยประเภทที่ 3  รายการยาที่อยู่ในเภสัชตำรับโรงพยาบาล (ยาสมุนไพรที่สถานพยาบาลแต่ละแห่งผลิตเอง ในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ)

4. ยาแผนไทยประเภทที่ 4  รายการยาที่สถานพยาบาลปรุงสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

สำหรับการเบิกจ่ายค่ายานวด เจลพริก รูปแบบเจล และ ไพล รูปแบบครีม ให้เบิกจ่ายได้ไม่เกินคนละ 1 หลอดหรือขวดต่อเดือน ส่วนค่ายานวดที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติให้เบิกจ่ายตามเงื่อนไข โดยมีปริมาณการเบิกจ่ายได้ไม่เกินคนละ 1 หลอดต่อเดือน และให้สถานพยาบาลระบุรายการยา และจำนวนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่าย ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558 เป็นต้นไป และสามารถเบิกจ่ายได้ทั้งในระบบเบิกจ่ายตรง หรือนำใบเสร็จรับเงินไปยื่นขอเบิกจากต้นสังกัด

การส่งเสริมให้ใช้ยาสมุนไพรทางการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกของภาครัฐ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมการผลิตยาของไทยพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น รวมถึง ยังเป็นการส่งเสริมให้นำเอาทรัพยากรทางธรรมชาติแบบภูมิปัญญาไทยมาประยุกต์ใช้อีกด้วย

ที่มา: กรมบัญชีกลาง