ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข สร้างอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลละอุ่น จ.ระนอง ทดแทนตึกเดิม รองรับการเพิ่มของประชากร รวมทั้งนักท่องเที่ยว โดย จ.ระนอง เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ได้พัฒนารองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งน้ำพุร้อนที่นี่มีลักษณะพิเศษคือไม่มีสารกำมะถัน ทำให้ไม่มีกลิ่น

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 ที่ จ.ระนอง นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลละอุ่น ที่สร้างทดแทนอาคารเดิมที่เปิดให้บริการมานาน 36 ปี คับแคบจากจำนวนผู้มารับบริการที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเตรียมพร้อมรองรับการท่องเที่ยวว่า รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness Tourism) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ ข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวฯ ระบุปี 2557 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 24.7ล้านคน นำรายได้เข้าประเทศประมาณ 1.17 ล้านล้านบาท ส่วนข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข มีชาวต่างชาติเข้ามารับบริการสุขภาพในประเทศไทย1.2 ล้านครั้ง  สร้างรายได้เข้าประเทศ 107,000 ล้านบาท

โดยได้มีการดำเนินงานเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาทิ จัดทำระบบประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติ  พัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนนำร่อง 7 จังหวัด ขยายเวลาพำนักในไทย กรณีเข้ารักษาพยาบาลกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และจีน พัฒนามาตรฐานการบริการสปาเพื่อสุขภาพ จัดทำแพ็คเก็จสุขภาพ พัฒนาสถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น

สำหรับ จ.ระนอง เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ได้พัฒนาเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว ลักษณะพิเศษของน้ำพุร้อนที่นี่คือไม่มีสารกำมะถัน ทำให้ไม่มีกลิ่นแตกต่างจากที่อื่น ซึ่งการแช่น้ำอุ่น น้ำพุร้อน น้ำแร่ มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย รักษาโรคผิวหนัง ผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และลดความเครียดได้ ได้มีการนำมาใช้ในการบำบัดผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลายๆ แห่ง เช่นที่โรงพยาบาลระนอง ได้นำมาใช้บำบัดผู้ป่วยโรคข้อติด ผู้ที่ฟื้นจากการบาดเจ็บของข้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย ปวดเรื้อรัง เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อในผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต ลดการบวม กระตุ้นการไหลเวียนในผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนให้ระมัดระวังในกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น อาจได้รับอันตรายที่เกิดจากความร้อนภายในร่างกายเกิดการสะสมอย่างรวดเร็ว จนร่างกายปรับตัวไม่ทัน ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรวัดความดันโลหิตทุกครั้งก่อนแช่น้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อน หากพบว่ามีความดันโลหิตสูงก็ไม่ควรแช่น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจัด

สำหรับประชาชนทั่วไป ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันอันตราย เช่น สังเกตอุณหภูมิของน้ำที่ระบุไว้ ที่เหมาะสมคือไม่เกิน 40 องศาเซลเซียล ก่อนแช่น้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อน 15-20 นาที ควรดื่มน้ำ 2 แก้วและดื่มเป็นระยะๆ ทุก ๆ 15 นาทีด้วยเพื่อให้ร่างกายมีปริมาณน้ำที่เพียงพอ ไม่ควรแช่นานเกิน 5-10 นาที ที่สำคัญหากรู้สึกเพลีย หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม คลื่นไส้ ควรหยุดการแช่ทันที หากไม่ดีขึ้นควรรีบไปโรงพยาบาลทันที