ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้ป่วยบัตรทอง จ.นครสวรรค์ ส่งจดหมายถึง ปลัด สธ. ชื่นชม รพ.สวรรค์ประชารักษ์/ระบบบัตรทอง หลังเข้ารับผ่าตัดรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้รับการบริการที่ดี ประทับใจตั้งแต่หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รพ. ดูแลผู้ป่วยไม่แบ่งแยกสิทธิ ระบุเชื่อมั่นและสนับสนุนระบบบัตรทอง เป็นนโยบายที่ดี ทำให้ประชาชนได้รับการรักษา ไม่ต้องล้มละลาย 

นางศุลีพร ธีระศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาวจังหวัดนครสวรรค์ ผู้ป่วยสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 ได้ทำจดหมายเขียนโดยลายมือ ถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อชื่นชมการบริการสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์วัดไทร เนื่องจากรู้สึกประทับใจที่ได้รับบริการที่ดีทั้งจากคุณหมอและพยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะภายหลังจากที่ได้เข้ารับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อวันที่ 2 ธันวคม 2558 แม้ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ใช้สิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ตาม

นางศุลีพร กล่าวต่อว่า ทันทีที่ได้รับการวินิจฉัยคุณหมอได้ให้ตรวจส่องกล้องในวันเดียวกัน และด้วยที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 คุณหมอจึงได้รีบนัดคิวผ่าตัดในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 เพื่อตัดเนื้อร้ายออกโดยเร็ว โดยให้เข้าพักในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยในเพื่อเตรียมความพร้อมในวันที่ 8 ธันวาคม 2558 ก่อน ซึ่งก่อนผ่าตัด 1 วัน คุณหมอได้ให้ทำการตรวจซีทีสแกนอีกครั้ง โดยการทำซีทีสแกนนี้ได้นัดล่วงหน้าเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เป็นวันเดียวกับที่ทราบผลการป่วย โดยในวันดังกล่าวด้วยจำนวนคิวผู้ป่วยที่มีมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่สามารถนัดตรวจก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2558 ได้ แต่ด้วยการประสานโดยคุณหมอและพยาบาลที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ห้องซีทีสแกนโดยตรง ทำให้รับการตรวจเพื่อการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้นได้ ซึ่งในระหว่างการประสานงานในวันนั้นพยาบาลได้ให้กำลังใจตลอด และบอกว่าไม่ต้องกังวลคุณหมอจะประสานให้

นอกจากนี้ในวันที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดก็ได้รับบริการที่ดี ทั้งจากคุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัด ที่ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้รู้สึกดี ทั้งภายหลังการผ่าตัดยังมีการติดตามและเฝ้าระวังอาการต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีพยาบาลมาช่วยสอนและบอกวิธีการออกกำลังกายให้กับผู้ป่วย ซึ่งในวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาล ทางพยาบาลยังได้นำยาที่คุณหมอสั่งจ่ายมาให้ถึงเตียงผู้ป่วยอีก ซึ่งคงต้องขอบคุณการบริการจากคุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทุกท่านอย่างมาก ซึ่งในการรับการรักษานี้ คุณหมอไม่เคยถามถึงสิทธิการรักษาเลย ให้บริการตามวิชาชีพแพทย์เป็นอย่างดี  

นางศุลีพร กล่าวว่า การรับการรักษาที่ผ่านมาได้ใช้สิทธิ 30 บาททั้งหมด มีเพียงแค่การจ่ายเพิ่มค่าห้องพิเศษและค่ายาบางรายการที่เป็นยานอกบัญชีเท่านั้น รวมแล้วไม่ถึง 10,000 บาท หากต้องจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมดคงเป็นจำนวนเงินที่มาก เพราะเพียงแค่ค่าซีทีสแกนทราบว่าอยู่ที่ 8,000-10,000 บาทแล้ว ทั้งยังได้รับบริการที่ดีจากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ซึ่งภายหลังออกจากโรงพยาบาลยังได้ส่งเรื่องต่อมายังสถานีอนามัยศูนย์รถไฟเพื่อตามดูผู้ป่วยต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกประทับใจต่อการบริการอย่างมาก       

“ลูกที่อยู่กรุงเทพ พอรู้ว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็งต้องรับการผ่าตัดโดยใช้สิทธิ 30 บาท ต่างก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะเขาเคยได้ข้อมูลมาอีกด้าน แต่ส่วนตัวรู้สึกเชื่อมั่นในการบริการและระบบ 30 บาท อีกทั้งที่ผ่านมายังได้รับการบริการที่ดีจากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โดยเฉพาะจากคุณหมอที่ไม่เคยพูดอะไรให้ต้องรู้แสลงใจในฐานะที่ใช้สิทธิ 30 บาทเลย” นางศุลีพร กล่าวว่า หลังจากนี้ยังมีนัดที่ต้องทำเคมีบำบัดรักษาต่อเนื่องอีก ต้องบอกว่าไม่รู้สึกกังวลต่อการใช้สิทธิ 30 บาทแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ป่วยในระบบประกันสังคมมาก่อน แต่ได้ออกจากระบบมาใช้สิทธิ 30 บาทแทน เพราะได้รับการดูแลที่ดีกว่า   

นางศุลีพร กล่าวว่า จากบริการที่ได้รับการดูแลอย่างดี และที่ผ่านมาได้พูดกับลูกและคนในครอบครัวเสมอว่า หากใครทำดีเราต้องชื่นชม ซึ่งภายหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลได้ 1 สัปดาห์ จึงได้เขียนหนังสือฉบับนี้ขึ้นเพื่อชื่นชมการบริการของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และระบบ 30 บาท จากประสบการณ์ที่ได้เจอมาด้วยตนเอง เพราะที่ผ่านมามักเห็นแต่คนด่าระบบ 30 บาทมาตลอด โดยส่งไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้รับทราบ และเพื่อเป็นกำลังใจกับคุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และยินดีหากมีใครที่จะมาสอบถาม เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับกับตนเอง

ทั้งนี้นโยบาย 30 บาท ถือเป็นนโยบายที่ดีและขอสนับสนุน เพราะทำให้ประชาชนได้รับการรักษา โดยเฉพาะคนจน เพราะไม่เช่นนั้นคงมีแต่คนมีเงินเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ อีกทั้งยังทำให้ประชาชนไม่ต้องนำเงินเก็บที่สะสมมาตลอดชีวิตมาใช้กับการรักษาหมดจนครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ส่วนข่าวที่เสนอให้ประชาชนร่วมจ่าย 30 บาทนั้น ส่วนตัวก็ยินดีและพร้อมที่จะร่วมจ่ายได้ เพียงแต่จากที่ได้เห็นผู้ป่วยเตียงข้างๆ ในช่วงที่ระหว่างรอห้องพิเศษ แม้แต่เงินค่ารถค่าเดินทางก็ไม่มี ซึ่งหากต้องร่วมจ่ายก็คงต้องลำบาก    

เรื่องที่เกี่ยวข้อง