ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะกรรมการอำนวยการกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย ใช้ 4 ยุทธศาสตร์กำจัดโรคไข้มาลาเรีย ตั้งเป้าทุกอำเภอของไทยไม่มีการแพร่เชื้อมาลาเรียในพื้นที่ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีภายในปี 2567 พร้อมเตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ ทำเนียบรัฐบาล พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 พร้อมด้วย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้แทนกระทรวงต่างๆ พิจารณาเห็นชอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้ คณะกรรมการอำนวยการกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ ได้เห็นชอบในหลักการของยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการมาลาเรียเสนอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับการจัดการโรคมาลาเรียของประเทศจากการควบคุมโรคเป็นการกำจัดโรค และได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์กำจัดโรคมาลาเรีย ระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2560-2569) และแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2560-2564) วงเงินงบประมาณ 2,283 ล้านบาท ตั้งเป้าให้ทุกอำเภอของประเทศไทยไม่มีการแพร่เชื้อมาลาเรียในพื้นที่ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีภายในปี 2567 และเตรียมหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า กัมพูชา ลาว เกี่ยวกับมาตรการกำจัดโรคไข้มาลาเรียให้หมดไปพร้อมๆ กัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศไทย

นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับยุทธศาสตร์การกำจัดโรคไข้มาลาเรีย มี 4 ยุทธศาสตร์ คือ

1.เร่งรัดกำจัดการแพร่เชื้อในประเทศไทย ไม่ให้มีผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ เน้นระบบเฝ้าระวัง ค้นหารวดเร็ว รักษาเร็ว และกำจัดเชื้อดื้อยา

2.พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม มาตรการ และรูปแบบในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียที่เหมาะสมกับพื้นที่

3.สร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายระดับประเทศและนานาชาติ ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อเนื่อง ยั่งยืน และ

4.ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพในการดูแลตนเองจากโรคไข้มาลาเรีย โดยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

พร้อมเตรียมเสนอยุทธศาสตร์ดังกล่าวเข้าสู่คณะรัฐมนตรี