ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สบส.ประชุมบุคลากรโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน 228 แห่ง ในพื้นที่ 15 จังหวัดท่องเที่ยว สนับสนุนให้พัฒนาคุณภาพมาตรฐานบริการสู่ระดับสากล ชาวไทยและต่างชาติเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม ครอบคลุมทุกมิติ ชูความเด่นไทยก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านบริการสุขภาพนานาชาติ เผยขณะนี้ไทยมีโรงพยาบาล และคลินิกผ่านการรับรองมาตรฐานสากลเจซีไอ 53 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน ในปี 2558 ไทยมีรายได้จากธุรกิจบริการสุขภาพกว่า 1 แสนล้านบาท   

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2559) ที่โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมบุคลากรโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 200 คน จาก 15 จังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ กระบี่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา นนทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต ระยอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี เพื่อพัฒนาคุณภาพบริการให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานเจซีไอ (JCI Standards for Hospitals) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ให้ความสำคัญ 3 ส่วนหลัก คือ สิทธิของผู้ป่วย การรักษาผู้ป่วย และการควบคุมการติดเชื้อ สะท้อนถึงคุณภาพบริการและสร้างความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย

นพ.บุญเรือง กล่าวว่า ขณะนี้ สบส.เร่งพัฒนามาตรฐานบริการโรงพยาบาล สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ให้ได้ตามมาตรฐานของประเทศไทยคือเอชเอ (HA) และมาตรฐานสากลเจซีไอ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม ครอบคลุมทุกมิติ

มาตรฐานเจซีไอนี้ถือเป็นจุดแข็งสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มศักยภาพความโดดเด่นของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ซึ่งไทยได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพการรักษาและราคา ผลการดำเนินการที่ผ่านมาไทยมีสถานพยาบาลผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจำนวน 53 แห่ง ประกอบด้วยภาคเอกชน 44 แห่ง ภาครัฐ 4 แห่ง คลินิก 5 แห่ง ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

ในปี 2558 ประเทศไทยมีรายได้จากธุรกิจบริการสุขภาพ ไม่ต่ำกว่า 107,000 ล้านบาท มีต่างชาติมารับบริการ 1.2 ล้านครั้ง ร้อยละ 80 เดินทางมาจากญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง จีน ยุโรป และเมียนมาร์ อีกร้อยละ 20 เป็นต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยอาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แนวโน้มขยายตัวขึ้น

สำหรับในช่วง 3 ปีนี้ ระหว่าง 2559 – 2561 สบส.ตั้งเป้ายกระดับมาตรฐานสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ในจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำ 15 จังหวัดที่กล่าวมา ซึ่งมีทั้งหมด 228 แห่ง โดยส่งเสริมผลักดันให้สถานพยาบาล ดำเนินการพัฒนาตามความสมัครใจ 2 ระบบคือเอชเอและเจซีไอ ซึ่งจะทำให้สถานพยาบาลในประเทศไทยก้าวสู่ระดับมาตรฐานโลก โดยการยกระดับครั้งนี้ ดำเนินการทั้งเรื่องคุณภาพการรักษาในโรงพยาบาล และการพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ มีศูนย์ล่ามภาษาอำนวยความสะดวกต่างชาติด้วย     

ด้าน นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการกองสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า การอบรมมาตรฐานเจซีไอครั้งนี้ สบส.ได้นำฉบับที่ 5 ซึ่งประกาศใช้ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2557 มีเป้าหมายเน้นที่ความปลอดภัยป่วยทั้งหมด 6 มาตรฐานได้แก่ การระบุตัวผู้ป่วยถูกต้อง, การพัฒนาประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างทีมบุคลากรที่ให้การดูแลผู้ป่วย, การเพิ่มความปลอดภัยการใช้ยาที่ต้องระมัดระวังสูง,การสร้างระบบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการผ่าตัดผู้ป่วยให้ถูกคนถูกตำแหน่งถูกหัตถการ,การลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและการลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายของผู้ป่วยระหว่างอยู่ในสถานพยาบาล เช่น การหกล้ม การลื่นล้มในห้องน้ำ เป็นต้น

โดยจะมีทีมเจ้าหน้าที่ของเจซีไอทำการตรวจประเมินความก้าวหน้า ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ได้เชิญวิทยากรเชี่ยวชาญด้านมาตรฐานคุณภาพสถานพยาบาล มาให้ความรู้ในด้านต่างๆ เช่น  เป้าหมายความปลอดภัยผู้ป่วยสากล สิทธิผู้ป่วยและครอบครัว การประเมินผู้ป่วย การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อโดยการมุ่งเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เป็นต้น