ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘หมอปิยะสกล’ เผยไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพปีละกว่า 4 แสนล้านบาท เฉพาะค่ายา 1.4 แสนล้านกว่าบาท สนับสนุนองค์การเภสัชกรรม บูรณาการความร่วมมือรัฐ เอกชน เร่งรัดพัฒนางานวิจัยด้านยา วัคซีน ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ตรงตามความต้องการของประชาชน มั่นใจว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและผลิตยา

วันนี้ (10 มีนาคม 2559) ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความคาดหวังของกระทรวงสาธารณสุขต่อการพัฒนายาของประเทศไทย” ในที่ประชุมเชิงปฏิบัติการ “นวัตกรรมสู่ความเป็นเลิศในการวิจัยพัฒนาและผลิตยาของประเทศไทย” จัดโดย องค์การเภสัชกรรม ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยแพทย์ เภสัชกร นักวิจัยด้านยาและวัคซีน และให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องสุขภาพทั่วโลกให้ความสนใจ ในประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลสุขภาพประชาชนร่วมกับหลายหน่วยงาน เช่น สปสช. สสส. สวรส. สช. เป็นต้น โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการดูแลสุขภาพประชาชน สิ่งที่เพิ่มขึ้นทุกวันคือค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ อีกไม่กี่ปีประชากรไทย 1 ใน 3 จะเป็นผู้สูงอายุ ในขณะที่การสนับสนุนงบประมาณในการจัดการกับโรคที่เป็นปัญหาระดับโลกเช่น เอดส์ มาลาเรียและวัณโรค จากกองทุนโลกจะยุติลง

สิ่งที่ไทยจะทำได้คือ การพึ่งตนเอง และร่วมมือทำงานกับกองทุนโลกต่อไป นำความรู้มาใช้เพื่อประโยชน์ในการควบคุมป้องกันโรค โดยเฉพาะในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องร่วมมือกำจัดโรคไปพร้อมๆ กัน จึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้ไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพปีละกว่า 4 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่ายากว่า 1.4 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ประเทศไทยพึ่งตัวเองได้ด้านยา ต้องนำเอาศักยภาพที่มีมาบูรณาการสร้างสิ่งที่ประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน คือ “การวิจัยและผลิตยา” ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นให้ได้ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะให้การสนับสนุน โดยขอให้เป็นงานวิจัยเพื่อตอบสนองตลาด และความต้องการประชาชน นำไปสู่การใช้ได้จริง

“มั่นใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและผลิตยาได้ เรามีนักวิจัยที่เก่ง มีงานวิจัยที่ดี ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันทำยังไงจะผลักสู่เชิงพาณิชย์ได้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุน โดยเฉพาะการดูแลให้องค์การเภสัชกรรมยืนอยู่บนขาตัวเองได้ เก่งโดยที่ไม่กีดกันคนอื่น และพร้อมที่จะสนับสนุนสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นด้านเภสัชกรรม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใด เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ” นพ.ปิยะสกล กล่าว