ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ.มอบ อนุ กก.เร่งปฏิรูประบบสาธารณสุขด้านการอภิบาลระบบสุขภาพ ให้ตั้งคณะทำงานย่อยหาข้อสรุปรูปแบบคณะกรรมการอภิบาลระบบสุขภาพแห่งชาติ จัดทำแผนการผลิตพัฒนากำลังคนสุขภาพของประเทศ พัฒนาระเบียนสุขภาพส่วนบุคคลให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเอง และกำหนดแผนปฏิบัติการวิจัย การพัฒนายา แพทย์แผนไทย สมุนไพร ที่ชัดเจน

วันนี้ (24 มีนาคม 2559) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบสาธารณสุข ด้านการระบบอภิบาลระบบสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของคณะอนุกรรมการฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข มหาดไทย ศึกษาธิการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กทม. สำนักนายกรัฐมนตรี มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ภาคีวิชาชีพด้านสุขภาพ

นพ.ปิยะสกล ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้ร่วมรับฟังและพิจารณากรอบการดำเนินงาน และแผนขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสาธารณสุข 4 ด้าน ได้แก่ การระบบอภิบาลระบบสุขภาพ กำลังคนด้านสุขภาพ ระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ และความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์

ในการอภิบาลระบบสุขภาพแห่งชาติ ได้มีข้อเสนอในการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ 3 รูปแบบ คือ 1.คณะกรรมการประสานงานด้านนโยบายสุขภาพแห่งชาติ 2.คณะกรรมการความร่วมมือด้านสุขภาพแห่งชาติ และ 3.คณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย ระบบการสั่งการ และประสิทธิผลแตกต่างกัน ที่ประชุมได้มีมติให้แต่งตั้งคณะทำงาน ที่ประกอบด้วยฝ่ายปฏิบัติ และฝ่ายนโยบาย เช่น สภาปฏิรูปแห่งชาติ กทม. เพื่อให้ความเห็นร่วมกัน ให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เกิดความร่วมมือมากที่สุด มีความขัดแย้งน้อยที่สุด และทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากภาคีที่สำคัญ โดยให้เสนอกลับมายังคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาใน 1 เดือน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 4 ที่มีพลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต่อไป

“คณะกรรมการแห่งชาติชุดนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะสุขภาพเป็นเรื่องของทุกคน กระทรวงสาธารณสุขพยายามผลักดันทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ ให้ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานจะจัดทำโครงการใดจะต้องห่วงใยสุขภาพ โดยมีคณะกรรมการชุดนี้ ดูแลประสานงาน กำกับนโยบาย ให้เห็นภาพชัดเจน เกิดความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ สุขภาพประชาชนจะได้รับการดูแลตั้งแต่ต้น” นพ.ปิยะสกลกล่าว

สำหรับด้านกำลังคนด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ได้ให้คณะทำงานไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงาน คณะทำงานที่ดำเนินการอยู่แล้ว ให้เป็นภาพรวมกำลังคนด้านสุขภาพของชาติในทุกสาขาวิชาชีพ ภายใน 3 เดือน เพื่อวางแผนการผลิต การพัฒนา การธำรงรักษาไว้ในระบบราชการ ความก้าวหน้าในวิชาชีพ

ส่วนด้านระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ วางแผนพัฒนาระเบียนสุขภาพส่วนบุคคล ให้ประชาชนสามารถดูรายงานสุขภาพของตนเองได้ จัดทำโครงการนำร่องเขตละ 1 จังหวัด โดยจะประสานกับ สวทช.และกระทรวงมหาดไทย ที่มีแผนให้บัตรประชาชนมีข้อมูลสุขภาพในอนาคต เพื่อพิจารณาว่าควรมีข้อมูลเรื่องใดบ้าง และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

ในด้านความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์ ให้กำหนดแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ทั้งด้านแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย การวิจัยยาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ และพัฒนาการผลิตยาภายในประเทศ