ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมอประนอม เผย ลำสนธิโมเดล ถือเป็นต้นแบบที่กระทรวงสาธารณสุข กำลังนำไปขยายผลให้เกิดขึ้นในทุกๆ ตำบล ในประเทศไทย หลังประสบผลสำเร็จทั้งการทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน และการผสานความร่วมมือระหว่าง อบต. รพ. รพ.สต.และชุมชน

เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา คณะทำงานขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ร่วมแห่งชาติ ว่าด้วยระบบสุขภาวะชุมชนจัดประชุมเพื่อรับฟังประสบการณ์ดีๆ จากแพทย์ชนบทดีเด่น อย่าง นพ.สันติ ลาภเบญจกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำสนธิ จ.ลพบุรี ที่มาบอกเล่าตัวอย่างของความสำเร็จ ในชื่อหัวข้อว่า “ลำสนธิโมเดล ต้นแบบหมอประจำครอบครัว”

ย้อนไปเมื่อปี 2559 หลังจาก นพ.สันติ ออกตระเวนเยี่ยมชุมชน และพบเห็นภาพของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้สูงอายุ ซึ่งต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด แต่กลับพบว่าส่วนใหญ่ ยังไม่มี “คุณภาพชีวิต” ที่ดีเพียงพอ

นพ.สันติจึงกลับมาคิดทบทวนหาวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างเสริมสุขภาวะในชุมชน ด้วยการวางระบบที่เรียกว่า แคร์ทีม (Care Team) เป็นการผนึกกำลังของเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร่วมไม้ร่วมมือเข้าไปดูแลผู้สูงอายุและคนพิการถึงบ้านเรือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ ไปถึงกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำหรือป้อนอาหาร เป็นต้น

นพ.สันติ ลาภเบญจกุล

และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน ได้ขยายบทบาทไปสู่การสร้างนักบริบาลในชุมชน (Caregiver) ที่อาศัยคนในท้องถิ่น ที่ผ่านการอบรมและประเมินผลจากโรงพยาบาล โดยมี องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เข้ามาสนับสนุนค่าตอบแทนให้เดือนละ 5,000 -5,500 บาท

จวบจนปัจจุบัน มีนักบริบาลท้องถิ่น เกิดขึ้นแล้วกว่า 30 คน กระจายอยู่ทุก อบต.และทำงานแบบเต็มเวลา ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง คนพิการ ผู้ป่วยจิตเวช เด็กที่มีภาวะพร่องในการเรียนรู้ (LD) โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และโรงพยาบาลลำสนธิ คอยเป็นพี่เลี้ยงกำกับดูแลและให้ความช่วยเหลือ

กลายเป็น “ลำสนธิโมเดล” ที่มีการกล่าวขานกันอย่างกว้างขวางจนทุกวันนี้ ได้รับการยกย่องจากหลายภาคส่วน ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ และมีผู้มาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ร่วมแห่งชาติว่าด้วยระบบสุขภาวะชุมชน กล่าวว่า การที่ลำสนธิสามารถดำเนินการได้สำเร็จ มาจากปัจจัยที่สำคัญก็คือ ความร่วมมืออย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล สถานีอนามัย, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ลำสนธิโมเดล มีฐานสนับสนุนการทำงานที่แข็งแรง จากความร่วมมือขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์กรชุมชนที่เข็มแข็งในพื้นที่ รองรับกว่า 160 องค์กร อาทิ กองทุนหมู่บ้าน กองทุนสวัสดิการชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และองค์กรสวัสดิการชุมชน เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีการหนุนเสริมจากองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมจากภายนอก มูลนิธิต่างๆ มาช่วยแบ่งเบาภาระการขับเคลื่อนงานของ นพ.สันติ ได้เป็นอย่างดี”

นอกจากนั้น การที่ลำสนธิ สามารถเดินหน้าทำงานได้เต็มพื้นที่ ไม่ได้ทำเฉพาะจุดเล็กเท่านั้นๆ แต่เกิดจากการมองปัญหาในภาพรวม และพัฒนาให้เป็นระบบ โดยเฉพาะตัวคนทำงาน เริ่มจาก “จิตอาสา” เพื่อดูแลคนในชุมชน เรียนรู้ทักษะ ไปสู่ “สัมมาชีพ” หรืออาชีพดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ที่มีค่าตอบแทนชัดเจน ทำให้การทำงานเกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน

“การทำงานให้ได้แบบลำสนธิโมเดล หน่วยงานอื่นๆ จะต้องเข้ามาร่วมมือกันมากขึ้น ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และอนาคตประเด็นที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ อาจกลับมาเข้าสู่กระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะ ภายใต้เครื่องมือใหม่ๆ ต่อไป”

หลังจากการนำเสนอประสบการณ์โดย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำสนธิ จ.ลพบุรี เรียบร้อยแล้ว ทางภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมประชุม ต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อ “แชร์ความรู้” นำไปต่อยอด ดำเนินการในพื้นที่ 

รวมถึงเสนอช่องทางที่จะเชื่อมโยงงานองค์กรตนเองกับลำสนธิเพื่อให้กลายเป็นโมเดล ที่สามารถสร้างความสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

พญ.ประนอม คำเที่ยง คณะทำงานขับเคลื่อนมติฯ และรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า ลำสนธิโมเดล ถือเป็นต้นแบบที่กระทรวงสาธารณสุข กำลังนำไปขยายผลให้เกิดขึ้นในทุกๆ ตำบล ในประเทศไทย

ขณะที่ผู้ร่วมประชุมส่วนใหญ่ เห็นด้วยที่จะ “ถอดบทเรียน” การทำงานของพื้นที่ลำสนธิอย่างจริงจัง เพื่อสรุปเป็นชุดความรู้ ให้เห็นปัจจัยความสำเร็จ และเครื่องมือต่างๆ ที่จะนำมาพัฒนาไปสู่ “คู่มือ” ให้ทุกพื้นที่ นำไปเป็นแนวทางดีๆ ในการปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมต่อไป