ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นสพ.กรุงเทพธุรกิจ : "หมอเรวัต วิศรุตเวช" วืดนั่งผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังไม่ได้เสียงข้างมากจากที่ประชุม สนช.ข้องใจสายสัมพันธ์การเมือง ชี้ขาดความเป็นกลางทางการเมือง

นพ.เรวัต วิศรุตเวช

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.59 ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่หนึ่ง เป็นประธาน ได้พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ตรวจการแผ่นดิน (แทนนายศรีราชา วงศารยางกูร อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา)

โดย พล.อ.อู้ด เบื้องบน ประธานคณะกรรมาธิการเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของ นพ.เรวัต วิศรุตเวช อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ และอดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รายงานผลการตรวจสอบทั้งในส่วนที่เปิดเผยและประชุมลับเพื่อพิจารณาในส่วน ที่เป็นรายงานลับร่วม 1 ชั่วโมง

จากนั้นที่ประชุม สนช.ได้ลงคะแนนลับด้วยการใช้เครื่องลงคะแนนเพื่อให้ความเห็นชอบ ผลการลงคะแนนปรากฏว่า นพ.เรวัต ได้รับคะแนนเห็นชอบ 66 ไม่เห็นชอบ 66 งดออกเสียง 24 ซึ่งทำให้นายสุรชัย ประธานในที่ประชุมได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า นพ.เรวัต ไม่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากที่ประชุมจึงถือว่าไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าว นสพ.กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ในการประชุมลับ เพื่อพิจารณารายงานการตรวจสอบประวัติเชิงลึกของ นพ.เรวัต พบว่า มีสมาชิก สนช.หลายคนสงสัยประเด็นที่ นพ.เรวัต เปลี่ยนชื่อและนามสกุลบ่อย ซึ่งผิดวิสัยของข้าราชการระดับสูง โดยบางชื่อเป็นคดีที่กำลังฟ้องร้องกันอยู่ รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับประวัติของ นพ.เรวัตไม่มีความชัดเจน ข้อมูลที่ส่งให้ กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ พิจารณานั้น มีข้อมูลไม่ตรงกัน 

ขณะเดียวกันยังติดใจถึงสายสัมพันธ์ทางการเมืองของ นพ.เรวัต ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ สมัยรัฐบาลเพื่อไทย และที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา แต่ สนช.บางกลุ่มไม่ได้แคลงใจกับการดำรงตำแหน่งของ นพ.เรวัต เพราะเป็นเพียงตำแหน่งที่ปรึกษาที่ไม่มีอำนาจใดในการสั่งการส่วนราชการ แต่ สนช.บางกลุ่มเห็นว่า บุคคลที่มาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ควรมีความเป็นกลางทางการเมือง

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 3 มิถุนายน 2559