ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“ปธ.ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย” นำทีมองค์กรวิชาชีพเครือข่ายหมออนามัย จัดตั้งทีม “พลังหมออนามัย” เตรียมพร้อมลงแข่งขันเลือกตั้ง “กรรมการสภาการวิชาชีพสาธารณสุขชุมชน” เน้นความเป็นเอกภาพ รุกนโยบายงานสร้างนำซ่อม ดูแลสุขภาพประชาชน พร้อมพัฒนาวิชาชีพสาธารณสุขให้ก้าวหน้าทัดเทียมวิชาชีพอื่นในระบบสุขภาพ ระบุไม่ห่วงคู่แข่งเลือกตั้ง เป็นเรื่องธรรมดาระบอบประชาธิปไตย แต่ขอโอกาสทำงานนำร่องสภาการวิชาชีพฯ ในยุคเริ่มต้น 

นายปรเมษฐ์ จินา

นายปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ในฐานะแกนนำทีม “พลังหมออนามัย” กล่าวถึงการจัดตั้งทีมพลังหมออนามัยในการลงรับสมัครเลือกตั้งกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชนว่า ที่มาของการจัดตั้งทีมในครั้งนี้เกิดจากการรวมพลังของเครือข่ายองค์กรวิชาชีพด้านสาธารณสุขและเครือข่ายหมออนามัย 4 องค์กร คือ สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข สมาคมหมออนามัย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย และชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับและดำเนินการมาไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยเฉพาะชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทยที่มีการจัดตั้งและดำเนินการถึง 33 ปี ได้จับมือร่วมกันเพื่อส่งตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน เพื่อร่วมกำหนดทิศทางและขับเคลื่อนงานต่างๆ ในวิชาชีพการสาธารณสุข

ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของการรวมทีมพลังหมออนามัย ในช่วงแรกส่วนตัวยังไม่มีความคิดที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการปฏิรูประบบสาธารณสุขทำให้มีภาระงานมาก ซึ่งรวมถึงงานประจำที่ทำอยู่ โดยในส่วนของ 3 องค์กร ทั้งสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข สมาคมหมออนามัย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย ในช่วงแรกได้มีการเตรียมจัดตั้งทีมเพื่อลงสมัคร ทีมละ 12 คน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 13 (8) พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 ที่กำหนดให้มีสัดส่วนกรรมการที่มาจากการเลือกตั้ง 12 คน นอกจากกรรมการที่มาโดยตำแหน่ง 12 คน ตัวแทนสถาบันการศึกษา สภาวิชาชีพและองค์กรวิชาชีพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ครบจำนวน 24 คน ในการดำเนินงาน แต่ต่อมาทั้ง 3 องค์กร ต่างเห็นตรงกันว่าในการลงรับเลือกตั้งควรมีความเป็นเอกภาพ ต้องการให้มีแกนนำหลักในการลงรับสมัคร จึงให้ช่วยรวมทีมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จึงเป็นที่มาของทีมพลังหมออนามัยนี้ 

นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า ส่วนที่ใช้ชื่อทีม “พลังหมออนามัย” นั้น เนื่องจากต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของทีมที่จะเข้าทำงานเพื่อเป็นตัวแทนในคณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน ซึ่งภายในทีมประกอบด้วยผู้มีประสบการณ์ด้านวิชาชีพสาธารณสุข ตัวแทนผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพสาธารณสุข ทั้งในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) นักวิชาการ นักกฎหมาย และตัวแทนจากสถาบันการศึกษา เพื่อร่วมกันทำงานพัฒนาวิชาชีพสาธารณสุขในช่วง 3 ปีจากนี้ เพื่อเป็นการนำร่องการดำเนินงานสภาวิชาชีพการสาธารณสุขในยุคเริ่มต้น  

สำหรับในส่วนของนโยบายนั้น นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า ที่วางไว้เบื้องต้นจะเน้นการดำเนินงานที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ทั้งในเรื่องการสร้างนำซ่อม การคัดกรองโรค เพื่อมุ่งดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก โดยต้องได้รับการบริการจากบุคลากรวิชาชีพสาธารณสุขที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ซึ่งต้องมีใบประกอบวิชาชีพ นอกจากนี้ยังเน้นการดำเนินงานร่วมกับสถาบันการศึกษาในการผลิตหลักสูตรด้านวิชาชีพสาธารณสุข รวมถึงการอบรมต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพวิชาชีพ จรรยาบรรณ เหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพสาธารณสุขให้มีความยั่งยืน

พร้อมกันนี้ยังมีนโยบายในการผลักดันตำแหน่งต่างๆ ในส่วนของวิชาชีพสาธารณสุข ให้มีความชัดเจนขึ้นเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า อาทิ การเปลี่ยนชื่อตำแหน่งพยาบาลที่ทำงานใน รพ.สต. ซึ่งเดิมอยู่ในตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข (จพ.สธ.) และนักวิชาการสาธารณสุข (นวก.สธ.) เป็นสาธารณสุขวิชาชีพ โดยจะมีการนำเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปรับปรุง อย่างไรก็ตามนโยบายต่างๆ ของทีมอยู่ระหว่างการปรับเพื่อนำเสนอภายหลังการลงรับสมัครเลือกตั้งเพื่อให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น  

ต่อข้อซักถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีความมั่นใจแค่ไหนและประเด็นอะไรที่เป็นห่วงหรือไม่ นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า คงไม่เป็นห่วงอะไร เพราะจากทีมที่ลงสมัครต้องบอกว่าเรามีความเป็นเอกภาพมาก และมีความชัดเจนที่จะรับอาสาเข้าทำงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาวิชาชีพสาธารณสุข ส่วนการที่มีทีมคู่แข่งในการเลือกตั้งนั้นมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต่างเป็นทางเลือกให้กับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน สำหรับในการหาเสียงนั้น เบื้องต้นนอกจากการใช้โปสเตอร์ แผ่นพับในการหาเสียงกับสมาชิกแล้ว ยังมีการวางช่องทางหาเสียงผ่านระบบอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังจะมีการเดินสายหาเสียงเพื่อพบปะสมาชิกในการชี้แจงนโยบายต่างๆ ของทีม แต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับโอกาส เพราะขณะนี้ยังมีภารกิจงานขับเคลื่อนที่กำลังเดินหน้าอยู่ 

อย่างไรก็ตามขอฝากไปยังเพื่อนๆ น้องๆ สมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชน ในการขอโอกาสให้ทีมพลังหมออนามัยซึ่งมีประสบการณ์ในวิชาชีพสาธารณสุข ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในสภาการวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนยกทีม เพื่อปูพื้นฐานและนำร่องงานต่างๆ ในยุคแรกเริ่ม เพื่อทำให้วิชาชีพสาธารณสุขมีความก้าวหน้าและการพัฒนา ทัดเทียมกับวิชาชีพอื่นในระบบสุขภาพ