ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 ที่ จ.อุบลราชธานี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และคณะ รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานกองทุนสุขภาพท้องถิ่น และการดำเนินงานดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Long Term Care) ของเขตสุขภาพที่ 10 พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานโรงเรียนผู้สูงวัย เทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร อำเภอพิบูลมังสาหาร เยี่ยมผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่ ต.เหล่าเสือโก้ก อำเภอเหล่าเสือโก้ก  

นพ.ปิยะสกล ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคม สร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2568 ที่จะมีผู้สูงอายุประมาณ 14.4 ล้านคน ต้องเตรียมพร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยงานหรือกิจกรรมที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระต่อสังคมในอนาคต ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการอนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2559 และจำนวน 900 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2560 ให้หน่วยบริการ กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น บริหารและจัดสรร ให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลโดยผู้ดูแลที่ผ่านการอบรม ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานการดูแลผู้สูงอายุทั้ง 2 พื้นที่ คือ เทศบาลเมืองพิบูลสังหารที่เปิดเป็นโรงเรียนผู้สูงวัยร่วมกับ รพ.พิบูลมังสาหาร และเทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้กที่จัดระบบให้ทำงานได้คล่องตัว ภายใต้ความร่วมมือแบบ 3 ประสาน คือ เทศบาล สาธารณสุข และชุมชน นั้น จะเห็นจุดที่น่าสนใจคือ โรงเรียนผู้สูงวัยของเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหารนั้น เน้นการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพกายและใจที่ดีได้ยาวนานที่สุดเพื่อลดปัญหาการดูแลระยะยาวหลังจากเป็นผู้สูงอายุที่ป่วยแบบติดบ้านติดเตียงแล้ว นับเป็นวิธีการป้องกันไว้ก่อน และเมื่อป่วยแล้วตามสภาวะธรรมชาติของมนุษย์ ที่เทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้กก็มีวิธีการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านติดเตียงนี้ เพื่อลดภาระให้กับครอบครัว สร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับชุมชนและสังคมในการร่วมดูแลผู้สูงอายุในชุมชนร่วมกันในรูปแบบการอบรมให้ญาติและคนในชุมชนเป็น Care Giver

“ผลจากความสำเร็จของการบูรณาการดังกล่าว ก็ได้ทำให้ผู้สูงอายุในชุมชนได้รับการดูแลและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความทุ่มเทของการทำงานของทีมสหวิชาชีพ บุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ เทศบาลในพื้นที่ว่า การทำงานหนักของพวกท่านทำให้ผู้สูงอายุในชุมชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นความภาคภูมิใจของการทำงานที่ได้ทำเพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ได้รับการดูแลตามหลักแนวคิดสำคัญของรัฐบาลคือ ผู้สูงวัยมีคุณค่า สังคมไทยร่วมดูแล มีสุขจนวาระสุดท้าย” นพ.ปิยะสกล กล่าว

ทั้งนี้ ที่ อ.พิบูลมังสาหาร ที่ใช้กลไกการขับเคลื่อนโดยกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ร่วมกับเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร จัดระบบบริการดูแลผู้สูงอายุจำนวน 159 คน ในลักษณะ“โรงเรียนผู้สูงวัย” มีกิจกรรมทั้งการเรียนการสอน การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย มีปราชญ์ชาวบ้าน /ข้าราชการหลังเกษียณมาร่วมทำงาน โดยผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรม สามาถนำความรู้นำไปใช้ในการดูแลสุขภาพตนเอง มีความสุขจากการพบปะเพื่อนผู้สูงอายุ ไม่โดดเดี่ยว รู้สึกมีคุณค่าในตนเอง เป็นตัวอย่างที่ดีแห่งหนึ่งที่ร่วมแรงร่วมใจเพื่อให้เกิดสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ

ส่วนเทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้ก อ. เหล่าเสือโก้ก จุดเด่นในการดำเนินงาน คือการปรับกลยุทธ์การดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านติดเตียง ดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการกองทุน 3 คณะ คือ เทศบาล สาธารณสุข และชุมชน ทำหน้าที่พิจารณาจัดหา กำหนดอัตราการชดเชยค่าบริการ และเห็นชอบการจัดทำแผนการดูแล เพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง โดยกลไกของกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเหล่าเสือโก้ก โรงพยาบาลเหล่าเสือโก้ก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และทีมสหสาขาวิชาชีพ ร่วมกันจัดอบรมให้ญาติและคนในชุมชนเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care Giver) ดูแลแบบมืออาชีพ โดยชุมชนเป็นฐาน