ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือสภากาชาดไทยจัดกิจกรรมรณรงค์รับบริจาคอวัยวะและดวงตา“ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ถือเป็นทานชั้นสูงอันยิ่งใหญ่กว่าการบริจาคทรัพย์สินเงินทองของนอกกายใดๆ ช่วยเพิ่มการปลูกถ่ายอวัยวะ ลดการตาย ได้คิวเร็ว เผยล่าสุดมีผู้ป่วยรอรับอวัยวะทั้งหมด 5,458 ราย ขณะที่มีผู้บริจาคอวัยวะเพียงประมาณ 200 คนต่อปี 

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขประชุมผ่านระบบวีดีโอทางไกลกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง เรื่อง การจัดกิจกรรมรณรงค์รับบริจาคอวัยวะและดวงตา “ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศล” พร้อมแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวร่วมกับ ผศ.นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และ ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย

นพ.โสภณ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับสภากาชาดไทยจัดกิจกรรมรณรงค์รับบริจาคอวัยวะและดวงตา “ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยตลอดเดือนธันวาคม 2559 จะมีการจัดนิทรรศการรณรงค์บริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต ในโรงพยาบาลทุกแห่ง มีการรับแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ และดวงตา ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาด โรงพยาบาลศูนย์ เหล่ากาชาดทุกจังหวัด ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ในเวลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2560 เพื่อเพิ่มปลูกถ่ายอวัยวะ ลดการตาย ได้คิวเร็ว

ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีโรงพยาบาลในสังกัดที่สามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้แล้ว 10 แห่ง ส่วนการบริจาคโลหิตจะจัดทุกวันที่ 13 ของทุกเดือน ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ศูนย์โลหิตสภากาชาด จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2560

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า การปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นทางรอดทางเดียวสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ตับ ปอด วายระยะสุดท้าย อีกทั้งเป็นการแก้ปัญหาความพิการของดวงตา และยังช่วยผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วยการปลูกถ่ายไต ทำให้มีอัตราการเจ็บป่วย เสียชีวิตต่ำกว่าการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง ผลการวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย พบว่า มีผู้ป่วยที่มีอวัยวะที่อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถบริจาคอวัยวะในโรงพยาบาลจำนวนมาก แต่ด้วยความเชื่อที่ผิดว่าบริจาคแล้วชาติหน้าอวัยวะจะไม่ครบซึ่งไม่เป็นจริงตามหลักพุทธศาสนา ไม่เข้าใจว่าผู้ที่มีภาวะสมองตายคือผู้ที่เสียชีวิตแล้ว ทั้งทางการแพทย์และทางกฎหมาย ประกอบกับประชาชนทั่วไปยังไม่เห็นความสำคัญ คนบริจาคจึงมีน้อยทำให้ขาดแคลนอวัยวะบริจาค ทำให้มีการบริจาคและนำอวัยวะจากผู้ป่วยเหล่านั้นมาทำการปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยได้ไม่ถึงร้อยละ 20

จากข้อมูลล่าสุด 15 พฤศจิกายน 2559 มีผู้ป่วยรอรับอวัยวะทั้งหมด 5,458 ราย สามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้ประมาณ 700 – 800 ราย ขณะที่มีผู้บริจาคอวัยวะเพียงประมาณ 200 คนต่อปี และเสียชีวิตระหว่างรออวัยวะ 100-200 รายต่อปี ส่วนการปลูกถ่ายกระจกตามีผู้รอรับการผ่าตัด 11,591 ราย สามารถผ่าตัดได้เพียง 700 – 800 รายต่อปี ซึ่งผู้บริจาค 1 ราย สามารถช่วยชีวิตผู้รับบริจาคอวัยวะได้มากกว่า 8 คน นอกจากนี้สภากาชาดไทยยังต้องการโลหิต 50,000 – 60,000 ถุงต่อเดือนเพื่อนำไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ

“ทั้งนี้การบริจาคอวัยวะตามหลักศาสนาพุทธถือเป็นทานชั้นสูง เป็นทานอันยิ่งใหญ่ จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมบริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต เพื่อเป็นการทำความดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” นพ.โสภณ กล่าว