ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กกอ.เห็นด้วยตั้งกองทุนสุขภาพของพนักงานมหาวิทยาลัย เตรียมถกเลขาธิการ สปสช. ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ด้านศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐเสนอดึงเงินจากประกันสังคมมาเป็นเงินตั้งกองทุน โดยให้พนักงานมหาวิทยาลัยเลือกโดยสมัครใจว่าจะใช้สิทธิประกันสังคมหรือใช้สิทธิใหม่ หากกฎหมายไม่เอื้อจะขอ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ผ่าทางตัน

รศ.วีรชัย พุทธวงศ์

รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) เปิดเผยว่า จากการเข้าหารือกับ นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อหารือการจัดตั้งกองทุนสุขภาพของพนักงานมหาวิทยาลัยและบุคลากรอุดมศึกษาที่ไม่มีสิทธิ์เบิกจ่ายกองทุนสุขภาพของระบบราชการ ทาง นายสุภัทรเห็นด้วยในหลักการกับการตั้งกองทุนดังกล่าว และทาง CHES ได้ประสานไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แล้ว เพื่อจัดให้มีการพบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเลขาธิการ กกอ.และเลขาธิการ สปสช.เพื่อหารือในรายละเอียดต่อไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเวลาที่เหมาะสม คาดว่าน่าจะภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

รศ.วีรชัย กล่าวว่า รูปแบบการจัดตั้งกองทุนที่ CHES ทำการศึกษาไว้นั้น จะล้อไปกับกองทุนหลักประกันสุขภาพของกลุ่มพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ สปสช.ได้ไปช่วยบริหารจัดการก่อนหน้านี้และประสบผลสำเร็จดีมาก ส่วนเงินประเดิมในการจัดตั้งกองทุนนั้น เสนอให้ดึงเงินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลที่กลุ่มพนักงานมหาวิทยาลัยจ่ายสมทบให้แก่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ออกมาเป็นทุนประเดิม โดยให้พนักงานมหาวิทยาลัยเลือกโดยสมัครใจว่าจะใช้สิทธิประกันสังคมหรือสิทธิรักษาพยาบาลกับกองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ แต่สิทธิประโยชน์ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่การรักษาพยาบาล ให้คงสิทธิไว้กับ สปส.เช่นเดิม โดยที่พนักงานมหาวิทยาลัยก็จ่ายสมทบต่อไปเช่นเดิมด้วย

"ประกันสังคม ใครอยากจะจ่ายก็จ่าย แต่ถ้าใครไม่จ่ายก็ต้องถอนเงินกลับ คือ ถอนออกมา 225 บาท/เดือน ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น การชดเชยกรณีว่างงาน คลอดบุตร บำนาญชราภาพ ฯลฯ ก็ยังอยู่กับประกันสังคม แต่ดึงเงินรักษาพยาบาล 225 บาทออกมา โดยที่รัฐก็สนับสนุนอีกส่วนโดยดึงส่วนที่รัฐจ่ายให้ประกันสังคม 450 บาทออกมา ส่วนนายจ้างก็ถอนออกมา 750 บาท รวมกันก็พันกว่าบาท/หัวแล้ว" รศ.วีรชัย กล่าว

ทั้งนี้ รูปแบบดังกล่าวจะต้องมีการศึกษารายละเอียดทางกฎหมายว่าสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากกฎหมายไม่เปิดช่องไว้ ก็อยากจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญออกเป็นประกาศแทน และนอกจากกลุ่มพนักงานมหาวิทยาลัยและบุคลากรอุดมศึกษาแล้ว อยากจะให้เปิดช่องให้พนักงานของรัฐในหน่วยงานอื่นๆ สามารถเข้าร่วมกับกองทุนนี้ได้อีกด้วย เพราะอยู่ในภาวะแบบเดียวกัน และยังจะช่วยทำให้กองทุนมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย

ขอบคุณภาพจาก Facebook/Weerachai Phutdhawong