ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติคืนสิทธิพื้นฐานด้านสาธารณสุขกลุ่มคนจีนโพ้นทะเล หลังได้รับหนังสือยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยจำนวน 38,267 คน พร้อมประสานกระทรวงศึกษาธิการ เร่งตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีเลข 13 หลักของกระทรวงศึกษาขึ้นต้นด้วยตัว G เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเด็กไร้สถานะที่ได้รับสิทธิด้านสาธารณสุขแล้ว และกลุ่มเด็กต่างชาติที่มีพาสปอร์ต หรือเดินทางไปกลับข้ามแดน

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ พญ.ประนอม คำเที่ยง รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 6 ในฐานะผู้ประสานข้อมูลบุคคลไร้สถานะและสิทธิ และผู้รับผิดชอบงานกลุ่มประกันสุขภาพ และสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานการให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติ  ใน 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนจีนโพ้นทะเล รวมถึงคนต่างด้าวสัญชาติอื่นที่ติดทะเบียนบ้านมาตั้งแต่ปี 2499 มีเลข 13 หลักขึ้นต้นด้วยเลข 3 กับเลข 4

ในวันนี้ได้รับหนังสือยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยแล้วว่ามีทั้งสิ้น 38,267 คน กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอ ครม.พิจารณาเพื่อให้ได้รับสิทธิด้านสาธารณสุขโดยเร็วที่สุด

สำหรับกลุ่มที่ 2 เด็กกลุ่มเด็กนักเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดเลข 13 หลัก โดยหลักแรกเป็นตัว G เพื่อแก้ปัญหาเด็กในระบบการศึกษาที่ไม่มีเลข 13 หลักของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีทั้งหมด 4 ประเภท คือ1.เด็กกลุ่มไร้สถานะที่ได้สิทธิแล้ว 2.มีพาสปอร์ต 3.เดินทางไปกลับข้ามแดน และ 4.เด็กนักเรียนที่อยู่ในเมืองไทย ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีเลข 13 หลักของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งพลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบข้อมูลเด็กกลุ่มนี้ให้ชัดเจน ตรงตามความเป็นจริง เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงและงบประมาณที่รัฐสนับสนุน เพื่อไม่ให้สิทธิซ้ำซ้อนกับกลุ่มไร้สถานะที่ได้รับการอนุมัติสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขแล้ว และกลุ่มเด็กต่างชาติที่มีพาสปอร์ตหรือเดินทางไปกลับข้ามแดน ซึ่งต้องการการยืนยันจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยในวันที่ 20 ธันวาคม 2559 จะหารือ รมว.ศธ. เพื่อขอยืนยันจำนวนที่ชัดเจน เสนอ ครม.พิจารณาต่อไป