ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยกลุ่มวัยทำงานอายุ 15-59 ปี ทั่วประเทศ ยังมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ มะเร็ง เนื่องจากผลสำรวจในปี 2559 พบมีความรอบรู้ทางสุขภาพตามหลักการสร้างสุขภาพดีด้วย 3 อ. 2 ส.อยู่ในระดับไม่ดีเกือบร้อยละ 50  และมีพฤติกรรมในระดับไม่ดีเกือบร้อยละ 57 ต้องเร่งยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของวัยทำงานในปีงบประมาณ 2560 ให้ถูกต้อง เพิ่มมากขึ้น

นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กองสุขศึกษา กรม สบส.ได้ทำการประเมินระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และพฤติกรรมสุขภาพ (Health Behavior) ตามหลัก 3 อ. 2 ส. ของประชาชนกลุ่มวัยทำงาน ช่วงอายุ 15 – 59 ปี ในปี 2559 จำนวน 15,278 คน ที่อยู่ในหมู่บ้าน ในตำบลจัดการสุขภาพครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดที่ดำเนินงานเสริมสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตามหลัก 3 อ. 2 ส. ซึ่งเป็นวิธีการสร้างสุขภาพดี ลดความเสี่ยงการเกิดโรควิถีชีวิต 5 โรค ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง ประกอบด้วย การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย อารมณ์ การงดสูบบุหรี่ และงดดื่มสุรา 

ผลพบว่า วัยทำงานมีความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 3 อ. 2 ส. ส่วนใหญ่อยู่ในระดับไม่ดี ร้อยละ 49 โดยเฉพาะประเด็นการสื่อสารสุขภาพ การเข้าถึงข้อมูลและตัดสินใจเลือกปฏิบัติที่ถูกต้อง พบว่าอยู่ในระดับดีมากเพียงร้อยละ 5.5เท่านั้น  

ส่วนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส. ของวัยทำงานพบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับไม่ดีถึงร้อยละ 56.7 โดยอยู่ในระดับดีมากหรือถูกต้องเพียงร้อยละ 5.2 จากข้อมูลนี้ ชี้ให้เห็นว่าประชาชนวัยแรงงานส่วนใหญ่ยังมีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคเรื้อรังอย่างมาก

นพ.วิศิษฎ์ กล่าวต่อว่า จากผลการประเมินทั้ง 76 จังหวัดไม่รวม กทม.ยังพบว่า วัยทำงานที่อาศัยอยู่ใน 43 จังหวัดมีความรอบรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับไม่ดี เพศหญิงมีความรอบรู้ด้านสุขภาพดีกว่าเพศชาย และกลุ่มอายุ 36-59 ปี ที่มีระดับการศึกษามัธยมศึกษา/อาชีวศึกษาและกลุ่มอาชีพที่ทำงานใช้แรงงาน มีระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพดีกว่ากลุ่มอื่น ส่วนพฤติกรรมสุขภาพพบว่า มี 50 จังหวัดที่วัยทำงานมีพฤติกรรมไม่ถูกต้อง เพศหญิงมีพฤติกรรมสุขภาพดีกว่าเพศชาย และกลุ่มอายุ 36-59 ปี ที่มีระดับการศึกษามัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา และกลุ่มอาชีพทำงานใช้แรงงาน มีระดับพฤติกรรมดีกว่ากลุ่มอื่น

สำหรับในปีงบประมาณ 2560 นี้ กรม สบส.จะมุ่งเน้นสร้างความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและเครือข่ายสังคม ในการบูรณาการยุทธศาสตร์การดำเนินงานเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยผ่านกลไกการขับเคลื่อนของ อสม. และ อสค. 500,000 คนในหมู่บ้าน เพิ่มศักยภาพการสื่อสารด้านสุขภาพ ให้ อสม.นักจัดการสุขภาพภาคประชาชนตำบลละ 10 คน เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พัฒนาช่องทางให้ชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพได้ง่าย ให้ชุมชนจัดรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการสื่อสาร/ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จนเกิดการเข้าถึงและเข้าใจ รวมทั้งสร้างปัจจัยแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ด้านสุขภาพ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และตำบล มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องอย่างยั่งยืน สามารถดูแลสุขภาพและพึ่งตนเองได้ ซึ่งจะลดปัญหาการเจ็บป่วย ลดผู้ป่วยรายใหม่ในโรงพยาบาล รายจ่ายค่ารักษาพยาบาลของประเทศลงได้อย่างมหาศาล