ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นโยบายบอร์ด สปสช.บริหารงบกองทุนบัตรทองปี 61 ไม่กระทบบริการผู้ป่วย พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ 3 รายการ ด้าน ผอ.สำนักงบประมาณแจงเตรียมชง ครม.เคาะงบรายหัว 3,197.32 บาทต่อประชากร เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 จำนวน 87.45 บาทต่อประชากร คิดเป็นร้อยละ 2.81

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการได้รับการจัดสรรงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำปี 2561 ว่า โดยสรุปแล้ว สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำปี 2561 เป็นจำนวนเงิน 128,533 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ให้แนวทางในการบริหารงบประมาณเพื่อไม่ให้กระทบกับการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของสิทธิประโยชน์เดิมที่มีอยู่ ขณะที่ในส่วนของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น ก็จะมีการบริหารร่วมกันระหว่าง สปสช.และกระทรวงสาธารณสุขภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่

รักษาการเลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่นั้น ภายหลังการหารือร่วมกันนำโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระหว่าง สปสช. สธ.และสำนักงบประมาณเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ผลเป็นที่น่าพอใจ สำนักงบประมาณเข้าใจมากขึ้น และคาดว่าจะปรับเพิ่มตามความจำเป็นภายใต้ข้อจำกัดงบประมาณของประเทศ โดยสำนักงบประมาณได้ให้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 511 ล้านบาท สำหรับสิทธิประโยชน์ใหม่ที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพิ่มให้สิทธิประโยชน์ 3 รายการ ได้แก่

1.การคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในกลุ่มเสี่ยง อายุ 50 ปีขึ้นไป

2.วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

และ 3.ค่าบริการสาธารณสุขกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (Emergency Claim Online: EMCO) ที่มีการจัดทำราคาค่าใช้จ่ายตามรายการ (Free schedule)

ด้าน นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้หารือร่วมกับ นพ.ปิยะสกล รมว.สาธารณสุข, ผู้แทน สปสช. และผู้แทน สธ.เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันเกี่ยวกับค่าบริการทางการแพทย์ฯ (อัตราเหมาจ่าย) ของปีงบประมาณ 2561 จำนวน 3,197.32 บาทต่อประชากร เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 จำนวน 87.45 บาทต่อประชากร คิดเป็นร้อยละ 2.81 ซึ่งรวมการเพิ่มค่าใช้จ่ายบริการใหม่ 3 รายการ คือ ค่าบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน (EMCO), ค่าบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ และค่าบริการวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV ซึ่งจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป