ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ความคาดหวังของผู้ป่วยที่มีต่อแพทย์  พยาบาล  หรือเภสัชกรในยามที่พวกเขารักษาพยาบาลก็หวังว่าจะได้รับยาเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ  และเชื่อว่าบุคลากรด้านสุขภาพเหล่านี้จะใช้ความรู้ด้านการรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง อันได้แก่ ยาที่ตรงกับโรค ขนาดยาที่ควรใช้ และระยะการรักษาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังดังกล่าวอาจไม่เป็นจริงเสมอไปท่ามกลางปัญหาการจ่ายยาโดยไม่สมเหตุสมผลซึ่งกำลังคุกคามวงการสาธารณสุขทั่วโลก ตามที่องค์กรอนามัยโลกประเมินว่ ามียากว่าครึ่งที่สั่งจ่าย จ่าย หรือจำหน่ายโดยไม่เหมาะสม ขณะที่สัดส่วนของผู้ป่วยซึ่งมีปัญหาการใช้ยาได้เพิ่มสูงถึงราวครึ่งหนึ่งโดยเฉพาะในภูมิภาคแอฟริกาที่ระบบสาธารณสุขส่วนใหญ่ยังอ่อนแอและล้าหลัง

เว็บไซต์เดอะ คอนเวอร์เซชั่นได้นำเสนอข้อมูลจากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจ่ายยาให้ผู้ป่วยในแอฟริกา พบว่ามีความบกพร่องในกระบวนการจ่ายยาของศูนย์บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิทั่วทั้งภูมิภาคแอฟริกา มีทั้งปัญหาการจ่ายยามากเกินไป รวมถึงการจ่ายยาปฏิชีวนะและยาฉีดมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจนำไปสู่ผลพวงด้านต่างๆ ต่อผู้ป่วย อาทิเช่น ปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะ ความเสี่ยงต่อผู้ป่วย และการขาดแคลนยาในผู้ป่วยที่มีความจำเป็น

เดอะ คอนเวอร์เซชั่น เผยอีกว่าอนามัยโลกได้กำหนดตัวชี้วัดเพื่อประเมินแนวโน้มการสั่งจ่ายยาในบริการปฐมภูมิเมื่อราวต้นคริสตทศวรรษที่ 90 โดยครอบคลุมปัจจัยด้านจำนวนเฉลี่ยของยาที่สั่งจ่ายต่อผู้ป่วยหนึ่งคน อัตราการสั่งจ่ายยาต้นแบบ ความถี่ในการจ่ายยาปฏิชีวนะหรือยาฉีด และอัตราการสั่งจ่ายยาจากบัญชียาหลัก

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ได้ดำเนินการศึกษาในประเทศกานา, ไนจีเรีย, บูร์กินาฟาโซ,  เอธิโอเปีย,  แอฟริกาใต้  แทนซาเนีย,  เคนยา,  แซมเบีย, ซิมบับเว, บอตสวานา และแกมเบีย ครอบคลุมผู้ป่วยกว่า 141,000 รายและศูนย์บริการปฐมภูมิ 572 แห่ง (ศูนย์บริการของรัฐ 359 แห่งและเอกชน 213 แห่ง) ผลการศึกษาทำให้พบข้อเท็จจริงว่า การแก้ปัญหาการสั่งจ่ายยาในศูนย์บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิในภูมิภาคแอฟริกาไม่ได้คืบหน้าไปมากนักตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา            

ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยชี้ว่า ผู้ป่วยแต่ละรายมักได้รับยาเฉลี่ย 3 ตัวขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าจำนวนแนะนำที่ไม่เกิน 2 ตัว ผู้ป่วยเกือบครึ่งหนึ่งได้รับยาปฏิชีวนะและราว 1 ใน 4 ได้รับยาฉีดซึ่งสูงกว่าคำแนะนำที่ระบุว่าผู้ให้บริการควรจำกัดการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะไม่เกิน 1 ใน 3 และยาฉีดไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนผู้ป่วยที่มาขอรับบริการในแต่ละวัน

และแม้ว่าอนามัยโลกได้แนะนำให้จ่ายยาต้นแบบและยาในบัญชียาหลักแต่กลับพบว่าหลายประเทศในภูมิภาคแอฟริกายังคงละเลยคำแนะนำดังกล่าว

ผลการศึกษายังได้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เป็นจุดอ่อนของระบบสาธารณสุขแอฟริกา ซึ่งได้แก่

·        การขาดแคลนเครื่องมือสำหรับตรวจวินิจฉัยโรคซึ่งนำไปสู่การรักษาโดยอาศัยการคาดเดา

·        การขาดแคลนการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรสาธารณสุข

·        ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยาที่ได้รับ 

·        การแทรกแซงจากภาคธุรกิจ

คณะผู้วิจัยเห็นว่า ความบกพร่องด้านการสั่งจ่ายยาจะนำไปสู่สภาพการณ์ที่เลวร้าย นับตั้งแต่การสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะโดยไม่สมเหตุสมผลจะทำให้ค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลสูงขึ้น ดังที่มีงานศึกษาหนึ่งชี้ว่าค่ายาปฏิชีวนะมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 40 ของค่ารักษา ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ความบกพร่องจากการจ่ายยาปฏิชีวนะยังอาจนำไปสู่ปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะซึ่งทำให้จำเป็นต้องใช้ยาราคาแพงและนำไปสู่ปัญหาขาดแคลนยาตามมา

ขณะที่การสั่งจ่ายยาฉีดก็เป็นสาเหตุให้บุคลากรมีภาระเพิ่มขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงของโรคติดต่อโดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบและเอชไอวี 

นอกจากนี้ การสั่งจ่ายยานอกบัญชียาหลักที่ยังคงปราศจากข้อมูลชัดเจนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทั้งในด้านความปลอดภัย ประสิทธิผล และความคุ้มค่าของการรักษา ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ป่วยต้องแบกรับค่ารักษาที่สูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฐานะการเงินของผู้ป่วย อีกทั้งการสั่งจ่ายยาโดยไม่เหมาะสมนอกจากจะทำให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะเสี่ยงแล้วในอีกทางหนึ่งยังอาจส่งผลให้ผู้ป่วยรายอื่นขาดแคลนยาที่จำเป็นด้วย

คณะผู้วิจัยจึงเสนอว่า ควรส่งเสริมการสั่งจ่ายยาอย่างสมเหตุสมผล จากข้อมูลซึ่งพบว่าค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในกลุ่มประเทศที่ดำเนินการศึกษาวิจัยโดยมากหมดไปกับค่าเวชภัณฑ์ และส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยต้องแบกรับค่ารักษาเอง ด้วยเหตุนี้ การปรับปรุงแนวทางการใช้ยาจึงอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้สามารถผันงบประมาณเพื่อกิจกรรมสาธารณสุขในด้านอื่น

ซึ่งการปรับปรุงแนวทางการใช้ยานั้น จำต้องอาศัยการติดตามที่มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะสามารถทำความเข้าใจปัจจัยทั้งด้านเวชปฏิบัติและความท้าทายในปัจจุบัน

การใช้ยาโดยไม่สมเหตุสมผลจะนำไปสู่ความสิ้นเปลืองด้านการรักษาพยาบาลและอาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งในระดับตัวบุคคลหรือระดับสังคม การสั่งจ่ายยาจะต้องดำเนินไปตามหลักการ มีข้อมูลเชิงประจักษ์รองรับ และจะต้องสะท้อนเวชปฏิบัติที่ดี

ทั้งนี้ รัฐบาล บุคลากรสาธารณสุข และองค์กรนอกภาครัฐที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคแอฟริกาควรที่จะผสานความร่วมมือเพื่อเร่งผลักดันมาตรการแก้ไขปัญหาการสั่งจ่ายยาด้วยแนวทางที่มุ่งส่งเสริมระบบสาธารณสุขและการสั่งจ่ายยาโดยสมเหตุสมผล

เรียบเรียงจาก

เว็บไซต์เดอะ คอนเวอร์เซชั่น: Poor prescription practices across Africa are putting patients at risk.