ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายแรงงาน ตั้งคำถาม สธ.แก้ พ.ร.บ.สสส. เพื่อใคร ชี้ส่งผลกระทบวงกว้าง หวั่นตัดตอนกลไกปฏิรูประบบสุขภาพ เดินถอยหลัง ย้ำต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 60 เ ที่กระทรวงสาธารณสุข นางสาวอรุณี ศรีโต ประธานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ พร้อมด้วย นายภาคภูมิ สุกใส ผู้ประสานงานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายกว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือถึง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผ่านทาง นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นางสาวอรุณี กล่าวว่า ทราบมาว่า สธ.เตรียมแก้ไข พ.ร.บ.สสส. และในวันที่ 31 มี.ค.และ 3 เม.ย.นี้ จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพียงไม่กี่คน เฉพาะใน กทม.ซึ่งอยู่ในวงจำกัดมากขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ดังนั้นเครือข่ายฯ จึงขอแสดงจุดยืนและเรียกร้องต่อ สธ.นำไปพิจารณาดังนี้   

1.ขอให้เปิดกว้างในการจัดรับฟังความคิดเห็นการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.สสส.โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้กว้างขวางและหลากหลาย เพราะกองทุน สสส.มีผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งประชาชนกลุ่มต่างๆ ตลอดจนองค์กร หน่วยงานภาครัฐ จำนวนมาก จึงควรจัดเวทีรับฟังให้ทั่วถึง อย่างน้อยครอบคลุมในระดับภาค ไม่ใช่จัดเพียงแค่ 2 ครั้ง ใน กทม.โดยตัดโอกาสภูมิภาค  

2.ขอตั้งคำถามกับ สธ.ถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการแก้ไข พ.ร.บ.สสส.ว่า มีเจตนารมณ์ที่แท้จริงอย่างไรกันแน่ เพราะการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากหน่วยงานต่างๆ ที่ผ่านมาก็ไม่พบการทุจริต และมีการแก้ไขระเบียบต่างๆ ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นแล้ว ตลอดจนผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส สสส.ปี 2559 ระบุชัดเจนว่าอยู่ในระดับดีมาก แต่เหตุใดความพยายามตัดตอน สสส.จึงไม่จบสิ้น ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่ามีวาระซ่อนเร้นบางอย่าง กับภารกิจจัดการ สสส.อย่างเป็นขั้นเป็นตอน 

3.ขอเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตา ว่าการแก้ไข พ.ร.บ.สสส.จะเป็นประโยชน์กับประชาชน หรือเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับหน่วยงานใด หรือเข้าทางกลุ่มทุนที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานของภาคีที่ทำงานอย่างเข้มข้นตลอดเวลาที่ผ่านมา

“สิ่งที่เครือข่ายฯ อยากเห็นคือ สธ.ต้องชัดเจน แก้ปัญหาให้ถูกจุด ต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นหลายๆ ฝ่าย ทั้งภาคี ชุมชนที่ทำงานร่วมกับ สสส. สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้ครอบคลุม ที่สำคัญหากจะแก้ พ.ร.บ.ทั้งทีต้องแก้ให้มันดีและเกิดประโยชน์สูงสุด เลิกใช้สูตรคิดเองเออเอง ปิดหูปิดตาประชาชน แบบที่ระบบราชการเคยใช้มาทุกยุคทุกสมัย และไม่ควรทำงานซ้ำซ้อน เช่น หน่วยงานที่มีงบประมาณทำงานด้านนั้นๆ เพียงพออยู่แล้ว แต่ยังหาช่องกันงบไปให้ซึ่งไม่เหมาะสม” นางสาวอรุณี กล่าว 

นายภาคภูมิ กล่าวว่า สธ.ส่งสัญญาณที่จะเร่งแก้ไข พ.ร.บ.สสส.แบบเร่งรีบผิดปกติ เช่น รีบจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนแค่ 2 ครั้ง เชิญคนมาร่วมเพียงไม่กี่คน ถือเป็นการทำแบบปิดปัง ไม่เปิดเผย เป็นได้แค่เพียงพิธีกรรมให้ดูดีและครบองค์ประกอบ จึงอยากเรียกร้องให้ สธ.ชะลอการแก้ไข พ.ร.บ.สสส.ออกไปก่อน เพื่อให้เกิดความรอบด้านครบถ้วน  ไม่เป็นที่กังขาของสังคม อีกทั้งภาคประชาชนไม่อยากเห็นการแก้ พ.ร.บ.เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับคนเพียงบางกลุ่ม หรือมีนัยยะซ่อนเร้นแอบแฝง มีการยัดไส้อะไรลงไปหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะส่งผลกระทบกับคนทำงานที่ต้องหยุดชะงัก สังคมเสียผลประโยชน์ ดังนั้น หากจะแก้ไขอะไร ต้องเชิญภาคีที่รับทุนจาก สสส.มาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยอย่างจริงใจ ซึ่ง รมว.สธ.ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะแก้ไขอะไรไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้