ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2545 ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดการศพในสถานพยาบาล อย่างเคร่งครัด ห้ามกักศพเป็นประกันค่ารักษาที่ยังติดค้างอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากกรณี ที่มีข่าวในสื่อโซเชียลว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และมีการติดค้างค่ารักษานับแสนบาท โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวไม่มีสิทธิประกันสุขภาพ หรือประกันสังคม เมื่อญาติขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาแต่โรงพยาบาลดังกล่าวไม่ยินยอมให้นำศพออกจากโรงพยาบาลจนกว่าญาติจะนำเงินมาจ่ายค่ารักษา นั้น

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ให้สัมภาษณ์ว่า การที่โรงพยาบาลเอกชนกักศพไม่ให้ญาติรับศพผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนา ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2545 ที่ออกตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดการศพในสถานพยาบาล ในข้อที่ 6 ที่ระบุไว้ว่า เมื่อมีบุคคล คือ สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือญาติของผู้ตายอย่างน้อยหนึ่งคน แสดงความจำนงขอรับศพผู้ตาย โดยแสดงเอกสารและลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ให้สามารถรับศพของผู้ตายไปจากสถานพยาบาลได้ทันที

และข้อที่ 8 กำหนดให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องไม่กำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ในการกักเก็บศพ หากผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการโรงพยาบาลฝ่าฝืน ถือว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการบริการของสถานพยาบาล ตามมาตรา 15 ซึ่งผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการมีหน้าที่ควบคุมและดูแลการประกอบกิจการสถาน พยาบาลให้เป็นไปตามมาตรฐานการบริการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด มาตรา 35(4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำให้โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้ยึดหลักคุณธรรม มนุษยธรรม และความรู้สึกของญาติที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สำหรับค่ารักษาที่ผู้เสียชีวิตติดค้างสามารถใช้วิธีการอื่นในการเรียกเก็บได้ในภายหลัง โดยห้ามมีเงื่อนไขเรื่องศพเข้ามาเกี่ยวข้อง