ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.จับมือกรมควบคุมโรค เร่งจัดหาวัคซีนเอชพีวี 4 แสนโด๊ส เริ่มฉีดกลุ่มเป้าหมาย นร.หญิงชั้น ป.5 ทั่วประเทศใน ก.ค. 60 มุ่งลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งปากมดลูก หลังเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 และสาเหตุการป่วยเป็นอันดับ 2 ในหญิงไทย พร้อมกำหนดเป็นสิทธิประโยชน์บัตรทองปี 61                   

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยความเห็นชอบจากรัฐบาล ได้จัดงบประมาณจำนวนหนึ่งสำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวี (HPV) เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภายหลังเมื่อคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติเห็นชอบและให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิจารณาอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายฯ ผ่านทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดหาวัคซีนเอชพีวีเพิ่มเติมฉีดให้ครอบคลุมนักเรียนหญิง ป.5 ทั้งหมด ซึ่งเป็นวัยเหมาะสมที่สุดในการรับวัคซีนนี้ สอดคล้องกับคำแนะนำองค์การอนามัยโลก ทั้งนี้เพื่อให้บริการป้องกันโรคดำเนินไปอย่างครอบคลุม ไม่เพียงแต่ช่วยลดการเจ็บป่วยแต่ยังลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับประเทศได้

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.ได้ร่วมกันจัดหาวัคซีนเอชพีวีเพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 400,000 คน งบประมาณรวมกว่า 144 ล้านบาท โดยในส่วนของ สปสช.ดำเนินการจัดหาวัคซีน 226,660 โด๊ส งบประมาณภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 85 ล้านบาท และกรมควบคุมโรคดำเนินการจัดหาวัคซีน 173,340 โด๊ส งบประมาณ 58.9 ล้านบาท ขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานร่วมมือกันสื่อสารไปยังหน่วยบริการ และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนและผู้ปกครองเพื่อรับทราบข้อมูลการรับวัคซีนเอชพีวี  

“คาดว่าจะให้บริการวัคซีนเอชพีวีเข็มแรกในช่วงเปิดเทอม ประมาณเดือนกรกฎาคม 2560 และเข็มที่ 2 ในเทอมสองห่างจากเข็มแรก 6 เดือน ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2561 บอร์ด สปสช.โดยมี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เป็นประธานได้เห็นชอบให้วัคซีนมะเร็งปากมดลูกเป็นสิทธิประโยชน์สำหรับเด็กหญิงชั้น ป.5 พร้อมอนุมัติงบประมาณสำหรับการจัดซื้อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การลดอัตราเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย” เลขาธิการ สปสช.กล่าว

ทั้งนี้ มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในหญิงไทยรองจากมะเร็งเต้านม โดยข้อมูลปี 2553-2555 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าอุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยอยู่ที่ 14.4 ต่อแสนประชากรหญิง หรือ 6,426 รายต่อปี ทั้งยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ในหญิงไทย สาเหตุเกิดจากเชื้อเอชพีวี หรือ Human Papilloma virus ซึ่งติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณปากมดลูกเรื้อรังและเซลล์บริเวณปากมดลูกเจริญผิดปกติ โดยเฉพาะในสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทยสูงถึงร้อยละ 70 การให้วัคซีนเอชพีวีในเด็กซึ่งปกติเป็นวัยที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์อื่นทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกด้วย ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นระยะ ยังมีความจำเป็นในการป้องกัน.