ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอปิยะสกล” เผย บอร์ด สปสช.เสียงข้างมากเห็นชอบ รพ.ราชวิถี จัดซื้อยาปี 61 ชี้เป็นการจัดซื้อยาคล้ายระบบเดิม ดำเนินการโดย คกก.ร่วม ทั้ง สธ. กลาโหม โรงเรียนแพทย์ และภาคประชาชน โดยมี สปสช.ทำหน้าที่กำกับเช่นเดิม ยืนยันไม่กระทบผู้ป่วยและประชาชนแน่นอน

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) วาระพิเศษ เพื่อพิจารณาวาระการจัดหายา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษปีงบประมาณ 2561 ว่า วันนี้เป็นการหารือเรื่องการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค อาทิ ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ผู้ป่วยที่ต้องได้รับยากำพร้าและยาต้านพิษ ซึ่งยืนยันว่าเป็นการทำเพื่อมุ่งประโยชน์ต่อประชาชนและผู้ป่วย ซึ่งมติบอร์ด สปสช.วันนี้ที่ให้ รพ.ราชวิถีทำหน้าที่จัดซื้อยานั้น ผู้ป่วยนอกจากจะต้องไม่เดือดร้อนแล้ว สิทธิยังต้องไม่ลดลงกว่าเดิม การบริการต้องเท่าเดิมหรือดีขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยนระบบจากเดิมที่ สปสช.เป็นหน่วยงานจัดซื้อ เพราะทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกฤษฎีกาชี้แล้วว่า สปสช.ทำไม่ได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ไม่ให้อำนาจ สปสช.มีสิทธิซื้อยา

ทั้งนี้เรื่องนี้ได้มีการปรึกษาหลายหน่วยงานแล้ว ทั้ง สตง. กฤษฎีกา กรมบัญชีกลาง และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต่างเห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนระบบจัดซื้อยาโดยคณะกรรมการร่วม นอกจากยังคงมี สปสช.ที่เป็นหน่วยงานจัดซื้อเดิมแล้ว ยังมีตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงกลาโหม และโรงเรียนแพทย์ รวมถึงภาคประชาชนมาร่วมกันดำเนินการ วิธีจัดซื้อก็คล้ายแบบเดิม แต่มีความโปร่งใสมากขึ้น พร้อมกันนี้ให้ สธ.จัดตั้งหน่วยงานรองรับเพื่อดำเนินการตามมติเห็นคณะกรรมการร่วมชุดนี้ และให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ดำเนินการตามเดิม

“สรุปคือจะมีหน่วยงานที่เกิดขึ้นใหม่และโอนมาที่กระทรวงสาธารณสุข รายละเอียดอยู่ระหว่างดำเนินการ เรื่องนี้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ที่จะบังคับใช้ในเดือนสิงหาคมนี้ ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้มีการจัดซื้อจัดจ้างรวมเพื่อประสิทธิภาพงบประมาณ โดยบอร์ด สปสช.เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยตามนี้ และรายงานให้ ครม.รับทราบต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า ทุกคนต่างทำเพื่อประโยชน์ทำเพื่อประโยชน์ประชาชนและผู้ป่วยโดยแท้ ยืนยันว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วย ซึ่งจะยังคงได้รับบริการเช่นเดิม

ต่อข้อซักถามว่า กรณีที่เครือข่ายผู้ป่วยกังวลต่อการสต๊อกยาจากปัญหาการจัดซื้อยาในปี 2561 นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ได้ขอให้ อภ.ดำเนินการทุกอย่างล่วงหน้าไว้แล้ว ให้คำมั่นว่าคงไม่มีการขาดยาแน่นอน ทั้งผู้ป่วยเอดส์ น้ำยาล้างไต เพราะได้มีการบริหารจัดการเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ให้ สปสช.ดำเนินการจัดซื้อเช่นเดิม นพ.ปิยะกล กล่าวว่า ตามที่ชี้แจงข้างต้นแล้ว พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ไม่ได้ให้อำนาจ สปสช.จัดซื้อยา และทั้ง สตง.และกฤษฎีกาก็ชี้แล้วว่าที่ผ่านมาทำไม่ถูก ดังนั้นเราจึงต้องปรับเพื่อให้ถูกก็หมาย ไม่ได้หมายความว่าจะโอนเรื่องนี้ไปให้ สธ. แต่เราจะทำโดยคณะกรรมการร่วม ซึ่ง สปสช.ยังคงกำกับเช่นเดิม เรียกว่าทุกอย่างเป็นระบบเหมือนเดิมหมด เพียงแต่เรื่องนี้เราต้องทำให้ถูกตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ใช่จะทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายโดยบอกว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องคงไม่ใช่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช.วาระพิเศษในวันนี้ มีกรรมการ สปสช.เข้าร่วมประชุม17 คน จาก 30 คน ในจำนวนนี้เห็นชอบ 12 คน ไม่เห็นชอบ 4 คน และงดออกเสียง 1 คน