ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตรวจสอบข้อเท็จจริง โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ วินิจฉัยโรคผิดพลาดว่าป่วยเป็นโรค HIV จนได้รับความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต ชี้หากพบมีการทำผิดมาตรฐานตามที่พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กำหนดด้านใดด้านหนึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที

จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ข่าวชายอายุ 50 ปี ตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ เพื่อจะนำผลไปประกอบการกู้เงินธนาคารเพื่อขยายธุรกิจ แต่ผลออกมาว่าเป็นติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV) จึงได้ไปตรวจเลือดกับโรงพยาบาลอื่นอีกหลายแห่งเพื่อยืนยัน จนผลตรวจออกมาแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี นั้น

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรม สบส ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย และได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ทั้ง 3 ประเด็น คือ

1.ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมีการควบคุมและดูแล ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลของตนให้ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ ตามที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดหรือไม่

2.ผู้ประกอบวิชาชีพ มีการดำเนินการตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่

และ 3.สถานพยาบาลมีการควบคุม คุณภาพ มาตรฐาน ครบถ้วนทั้ง 5 ด้าน ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งประกอบด้วย

1) สถานที่ สะอาด เหมาะสมแก่การให้บริการ

2) ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลจะต้องขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถูกต้องตามกฎหมาย

3) การบริการเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

4) เครื่องมือ ยา และเวชภัณฑ์ มีคุณภาพได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

และ 5) ความปลอดภัย มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน หรือไม่

โดยในเบื้องต้นกรม สบส.ได้รับการชี้แจงจากโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวบางส่วนแล้ว และเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการมอบให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) กล่าวว่า การวินิจฉัยโรคหรือการวินิจฉัยภาวะผิดปกติต่างๆของร่างกาย ด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บ (Laboratory) ซึ่งหนึ่งในวิธีการรายงานผลตรวจ คือ การรายงานว่า “ผลตรวจเป็นบวก” หรือ “ผลตรวจเป็นลบ” หาก “ผลตรวจเป็นบวก” หมายความว่า อาจจะมีโอกาสเป็นโรค หรือมีภาวะนั้น แต่อย่างไรก็ตามการตรวจวินิจฉัยโรคที่มีความร้ายแรง แพทย์ควรจะใช้วิธีการอย่างน้อย 2-3 วิธีร่วมกัน ทั้งการตรวจประวัติอาการ ประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย และผลจากการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อร้องเรียนสถานพยาบาลเอกชนสามารถแจ้งได้ที่กรม สบส. หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18830 (กลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์) ในวันและเวลาราชการ