ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย เผยคนไทยร้อยละ 57 ไม่เคยอ่านข้อมูลในฉลากแปรงสีฟันก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแปรงสีฟัน แนะให้อ่านฉลากและเลือกแปรงสีฟันที่มีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานกรมอนามัย เพื่อความมั่นใจได้แปรงสีฟันคุณภาพ

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยโดยสำนักทันตสาธารณสุขได้สำรวจพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากของคนไทยใน ปี 2554จำนวน 3,391 คน พบว่ากลุ่มตัวอย่างเลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มหรือนุ่มพิเศษ ร้อยละ 52 เลือกใช้ขนนุ่มปานกลาง ร้อยละ 41 และเลือกใช้ ขนแปรงแข็ง ร้อยละ 6 อีกทั้งยังพบว่า ไม่เคยอ่านข้อมูลในฉลากแปรงสีฟัน ร้อยละ 57 ทั้งๆ ที่แปรงสีฟันเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ต้องระบุข้อมูลให้เพียงพอต่อการเลือกซื้อของประชาชนอาทิความอ่อนนุ่มของขนแปรง ลักษณะปลายขนแปรง วัสดุที่ใช้ผลิต และอายุที่เหมาะสมสำหรับแปรงสีฟันเด็ก เป็นต้น

นอกจากนี้การติดตามเฝ้าระวังคุณภาพแปรงสีฟันที่จำหน่ายในประเทศไทยทุก 3 ปี ในปี 2554 โดยเก็บสำรวจ แปรงสีฟันกว่า 300 รุ่น เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของฉลากและตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานวิชาการแปรงสีฟันกรมอนามัยพบว่าแปรงสีฟันที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์สโตร์ กว่าร้อยละ 80ผ่านมาตรฐานแปรงสีฟันของกรมอนามัย

ด้าน ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าวว่า แปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำคัญที่สุด ในการทำความสะอาดช่องปาก ซึ่งทุกคนต้องใช้เป็นประจำทุกวัน แปรงสีฟันที่ดีจะต้องสามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ ลดโรคเหงือกอักเสบ และไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อในช่องปากขณะที่แปรงฟัน ประชาชนจึงควรเลือกแปรงสีฟันที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน โดยดูที่ขนแปรงเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสฟันและเหงือกโดยตรงในการกำจัดคราบจุลินทรีย์ ซึ่งการวิจัยยืนยันว่าขนแปรงชนิดแข็ง ปานกลาง นุ่ม สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ได้เหมือนกัน โดยผู้ใช้อาจรู้สึกว่าขนแปรงแข็งทำความสะอาดฟันได้ดีกว่า แต่ขนแปรงชนิดแข็งจะทำให้คอฟันสึกทำอันตรายต่อเหงือกและทำให้เหงือกร่นตามมา และยังทำให้วัสดุอุดฟันบางประเภทเสียหายได้ ในขณะที่ขนแปรงชนิดปานกลางหรือนุ่มปานกลางอาจมีผลเช่นเดียวกับขนแปรงแข็งหากใช้วิธีแปรงฟันที่ไม่เหมาะสม การเลือกขนแปรงนุ่มปลอดภัยที่สุด

ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศให้ แปรงสีฟันทุกยี่ห้อทุกรุ่น ต้องระบุข้อมูล 5 ข้อ คือ 1) ความอ่อนแข็งของขนแปรง 2) ลักษณะปลายขนแปรงฟัน เช่น ปลายมน ปลายเรียวแหลม 3) วัสดุที่ใช้ทำขนแปรงและด้ามแปรง 4) วิธีใช้ ข้อแนะนำ และ 5) แปรงสีฟันเด็กต้องระบุกลุ่มอายุที่เหมาะสมบนฉลากด้วย เช่น ต่ำกว่า 3 ปี 3-6 ปี 6-12 ปี เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลเพียงพอใช้ประกอบการเลือกแปรงสีฟัน

"ทั้งนี้ ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน และเมื่อแปรงฟันเสร็จ ต้องล้างให้สะอาด สะบัดแปรงสีฟันให้น้ำออกให้หมด เก็บในที่แห้ง มีอากาศถ่ายเท โดยวางแปรงสีฟันในแนวตั้ง และไม่ควรเก็บในกล่องเก็บหัวแปรง เพราะจะทำให้แห้งยาก เกิดการสะสมของเชื้อโรคได้ และไม่ควรเก็บแปรงสีฟันรวมๆกัน เพราะหากมีผู้ป่วย จะเป็นการแพร่เชื้อโรคได้” ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าว