ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เหม่อมองบนฟ้าไกล.....จ้องมองด้วยความสงสัยว่าใครกันนะใคร.....ที่พาให้เธอเดินหลงทางมาเจอกับฉัน………
ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม..... ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น….มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุจริงๆ ที่เราเจอกัน............

ฟังเพลงนี้แล้วก็นึกย้อนกลับไปในตอนนั้นที่ได้เจอป้าติ๊ก (นามสมมติ) ป้าติ๊กอายุ 75 ปี มีโรคประจำตัวหลักคือถุงลมโป่งพอง จากประวัติการรับยา ก็รับต่อเนื่องตามนัด ซึ่งดูว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร สายตายังมองเห็นฉลากยา ยังทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ จัดยากินเองได้

การพบเจอกันกับป้าติ๊กเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตก็ไม่ปาน บ้านป้าติ๊กอยู่ในละแวกบ้านที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยท่านอื่น เภสัชกรจึงแวะเข้าไปทักทายเยี่ยมเยียนเพราะทราบคร่าวๆ แล้วว่าเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ใช้ยาสูดพ่นคอ

การมาของพวกเราสร้างความแปลกใจเล็กน้อย แต่ป้าติ๊กก็ยินดีที่ทีมเยี่ยมบ้านเข้ามาติดตามดูแลสุขภาพและการใช้ยาที่บ้าน เมื่อมีเภสัชกรไปก็หนีไม่พ้นการขอดูถุงยาทั้งหมด เมื่อเปิดถุงยา ก็พบว่ามียาไขมันตัวหนึ่งไม่พร่องไปเลยทั้งที่รับมาหลายวันแล้ว ป้าติ๊กได้อธิบายเหตุผลว่า ยาตัวนี้จะกินได้จะต้องเจาะไขมันก่อน ซึ่งป้าติ๊กได้รับคำยืนยันในความเชี่อจากคนรู้จักป้าติ๊กที่ทำงานโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ป้าติ๊กไม่ได้เจาะเลือดป้าจึงไม่กินยานี้

เภสัชกรจึงได้ปรึกษาหารือกับแพทย์ ตรวจสอบข้อมูลจากโรงพยาบาลที่ป้าติ๊กรับยา และขอดูข้อมูลจากแผนกชันสูตร เมื่อได้ข้อสรุปที่แน่ชัดแล้ว ได้อธิบายผลเจาะเลือด ความถี่ของการเจาะตรวจไขมันในเลือดของป้าติ๊ก ความสำคัญของการกินยา ซึ่งป้าติ๊กก็เข้าใจและกินยาตามแพทย์สั่ง

เดือนต่อมา ป้าติ๊กมารับยาตามนัด และใช้ยาตามแพทย์สั่ง ดูแล้วก็แฮบปี้เอนดิ้งนะคะ น่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการแก้ไขปัญหาด้านยาอย่างสมบูรณ์

ต่อมาในเดือนที่ 3 เภสัชกรได้โทรหาป้าติ๊กเพื่อจะติดตามอาการและการใช้ยาอีกครั้ง ขณะที่โทรคุยป้าติ๊กก็จะเล่าเรื่องอาการที่ดีขึ้น ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ และเช่นเดิมไม่เว้นแม้แต่การคุยโทรศัพท์ เภสัชกรก็จะถามถึงยา ว่าได้กี่ชนิด กินอย่างไรบ้าง เสียงป้าติ๊กตอบมาน้ำเสียงที่ทรงพลัง เข้าไปดังก้องกังวานในหัวเภสัชกร “รอบนี้ได้ 3 ตัวเอง” ใจเริ่มตกมาที่ตาตุ่ม แย่แน่เลยลืมจ่ายยาหรือเปล่านี่ แล้วก็ดึงสติกลับมาพร้อมให้ป้าติ๊กอธิบายยาที่ป้าติ๊กได้รับ รายการยา 4 ตัว เหลือ 3 ตัว แล้วอีกตัวยาไขมันหายไปไหน

ตกเย็นหลังเลิกงาน เภสัชกรได้ติดต่อป้าติ๊กเพื่อไปที่บ้าน ก่อนไปป้าติ๊กได้ฝากคำเตือนไว้ว่า ระวังหมานะ จริงๆ คำเตือนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับปัญหายานะคะ แต่มันเกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพของเภสัชกร และเป็นเรื่องหวาดกลัวสำหรับหลายๆ คนที่ทำงานเยี่ยมบ้าน แต่ด้วยความมุ่งมั่นเภสัชกรก็ไปถึงบ้านป้าติ๊ก

ป้าติ๊กเข้าไปหยิบถุงยาที่รับมาจากโรงพยาบาลให้เภสัชกรดู เภสัชกรค่อยๆ ล้วงมือลงไปหยิบซองยาขึ้นมาทีละซองจนครบ 3 ซองตรงกับที่ป้าติ๊กบอกก่อนหน้านั้น แล้วสายตาก็มองค้นหาเข้าไปในถุงยาอีกครั้ง ก็เห็นซองยายาวๆ สีขาวเหมือนถุงหิ้วยาวางนอนตะแคงในถุงหิ้ว พอหยิบออกมานั่นคือยาไขมันตัวที่ป้าติ๊กบอกว่าไม่ได้รับนั่นเองป้าติ๊กก็หัวเราะออกมาอย่างเขินๆ ส่วนเภสัชกรก็ยิ้มอย่างละมุนให้ป้าติ๊ก

การออกเยี่ยมบ้านครั้งนี้อาจเป็นพรหมลิขิตชักพาให้พวกเราได้เข้าไปดูแลการใช้ยา แก้ไขปัญหาด้านยาของป้าติ๊กที่บ้าน ถ้าวันนั้นไม่ได้เข้าไปบ้านป้าติ๊ก ป้าติ๊กก็คงยังไม่ได้ใช้ยาตามคำสั่งแพทย์ เหตุการณ์นี้ได้ให้บทเรียนว่า ปัญหาความไม่ร่วมมือในการใช้ยานี้เราไม่สามารถสืบค้นได้หมดจากหน้าห้องจ่ายยา หรือไม่ทราบหากผู้ป่วยไม่บอก ทำให้เภสัชกรได้เรียนรู้ที่จะสืบค้นความไม่ร่วมมือในการใช้ยากับผู้ป่วยรายอื่นๆ ต่อไปอย่างละเอียด และติดตามผู้ป่วยที่จบการเยี่ยมบ้านไปแล้ว เพราะปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่อาจมาแทนที่ได้ โดยการติดตามบางท่านสามารถทำได้โดยโทรศัพท์ หรือทางสื่อออนไลน์ก็ได้ทั้งหมดนี้ก็คือการดูแลผู้ป่วยด้านยาเชิงรุกนั่นเอง

ผู้เขียน : ภญ.เพ็ญนภา ประภาวัต รพ.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี